- 02 ธ.ค. 2567
สุดจะกลั้นน้ำตา พ่อของ 3 แม่ลูก เหยื่อสาวซิ่งBMW ชนดับเล่าวินาทีเห็นร่างลูก-เมีย นอนเสียชีวิต ฟังแล้วใจสลายตาม
วันที่ 2 ธันวาคม 2567 ในรายการโหนกระแสได้เชิญครอบครัวของเหยื่อสาวซิ่งรถ BMW ชน 3 แม่ลูกเสียชีวิต สุดท้ายอุ้มแมวหนี มานั่งพูดคุยในรายการ และได้มีการโฟนอินสัมภาษณ์ พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผู้กำกับการ สภ.เมืองชุมพร ได้ข้อสรุปว่า สาวซิ่ง BMW รับสารภาพทุกข้อหา แต่ยกเว้นกรณีของการหลบหนี โดยได้มีการอ้างว่าไม่ได้มีเจตนาหลบหนี แต่กลัวเพราะไม่ใช่คนในพื้นที่ ส่วนในประเด็นของผลตรวจแอลกอฮอล ตรวจเจอ 29 mg% และเจอขวดเหล้าในรถ ส่วนผลสอบสารเสพติดอื่นๆยังไม่ออก
และในเรื่องแม้ไม่มีใบขับขี่ ก็ดำเนินคดีข้อหาขับรถขณะมึนเมาได้ และตำรวจยังได้ยืนยันว่ามีการขับรถมือเดียวถ่ายมือถือจริง โดยถ่ายสามสิบวิ ก่อนชน
โดยแขกรับเชิญซึ่งท่านหนึ่งคือ พ่อติ๊ก ซึ่งเป็นพ่อและสามีของเหยื่อที่เสียชีวิตได้มาเล่าเหตุการณ์วินาทีทราบข่าวร้ายและได้ขี่รถไปยังจุดเกิดเหตุ
คุณพ่อเล่าว่าในวันเกิดเหตุนั่นคุณแม่ได้ขี่รถจักรยายนต์ออกไปรับลูกจากที่เรียนพิเศษตามปกติเหมือนทุกวัน วินาทีที่รู้ข่าวตอนแรกก็ขี่รถวนไปดู เห็นว่าคลุมผ้าขาวไว้แต่ตอนนั้นพยายามปลอบใจตัวเองว่าไม่ใช่ คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เมื่อไปเห็นคนแรกคือลูกสาวคนเล็ก สภาพนอนหงายและมีเลือดไหลออกมาจากศีรษะตอนนั้นหัวใจสลาย แต่ก็ยังเข้าไปลูบไปจับที่อกลูก หวังว่าจะยังมีลมหายใจแต่สุดท้ายก็พบว่าลูกเสียชีวิตแล้ว
ขณะที่นั่งอยู่กับลูก สายตาก็มองเห็นร่างของภรรยาที่นอนอยู่ในสภาพเดียวกัน ตอนนั้นก็รู้แล้วว่าภรรยาก็ได้จากไปแล้ว ซึ่งในขณะที่เล่าเหตุการณ์นี้คุณพ่อกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ร้องไห้ออกมาและพูดด้วยเสียงสั่นเครือจนพิธีกร หนุ่ม กรรชัย ยืนมือมาจับที่ไหล่เพื่อให้กำลังใจ
คุณพ่อเล่าต่อว่าตอนนั้นยังมีความหวังเพราะยังไม่เห็นลูกชาย คิดว่าลูกชายคงรอดจึงถามกู้ภัย ผิดสังเกตว่ากู้ภัยทำไมไม่ตอบ ตนจึงบอกว่าให้บอกมาตามตรงว่าลูกชายรอดชีวิตหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้พูดอะไรทำเพียงแค่ส่ายหน้าเท่านั้น
ซึ่งคำพูด น้ำเสียง และท่าทางของคุณพ่อที่เล่าด้วยหัวใจที่สลายทั้งน้ำตาทำให้บรรยากาศในรายการเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
คุณพ่อยังพูดอีกว่า "คุณชนแล้ว คุณทิ้งไปจากที่เกิดเหตุ ยังมีเวลาไปเอากุญแจเพื่อที่จะกลับบ้านเขาเองนะครับ แล้วมันต้องผ่านจุดที่เกิดเหตุ แทนที่เขาจะมีน้ำใจแวะลงมาดูสักหน่อย"
"ทำไมเขาใจดำขนาดนั้น ขนาดย้อนกลับมาผ่านจุดเกิดเหตุยังไม่คิดจะแวะลงมาดูสักนิดเลย"