โร่เอาผิด จร.กลาง 7 นาย รุมยำหนุ่มคาด่านตรวจ สุดท้ายอ้างผิดตัว

พ่อและน้องสาว ผสห.พบ พงส.ปปป.เตรียมเอาผิด จร.กลาง 7 นาย ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ รุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ หลังตำรวจอ้างตามจับผิดตัว

ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ธ.ค.67) น้องสาวผู้ได้รับบาดเจ็บ เดินทางมาร้องทุกข์ พงส.บก.ปปป.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังถูกตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจร 7 นาย ทำร้ายร่างกายขณะตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์อยู่บนถนนประเสริฐมนูกิจ เมื่อคืนที่ผ่านมา ช่วงเวลา 02.14 น.

 

โร่เอาผิด จร.กลาง 7 นาย รุมยำหนุ่มคาด่านตรวจ สุดท้ายอ้างผิดตัว

โร่เอาผิด จร.กลาง 7 นาย รุมยำหนุ่มคาด่านตรวจ สุดท้ายอ้างผิดตัว

 

น้องสาวเปิดเผยว่า ขณะที่พี่ชายของตัวเองขับรถยนต์ เข้าตรวจวัดแอลกอฮอล์ตามปกติและไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย จึงขับออกจากด่านตรวจ ก่อนที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถจักรยานยนต์ 3 คัน และรถกระบะ 1 คัน ตามมาประกบ พร้อมบังคับให้ลงจากรถโดยพยายามเข้าควบคุมตัว ซึ่งพี่ชายก็พยายามขัดขืนเนื่องจากตัวเองไม่ได้กระทำความผิด แต่ตำรวจกลับใช้กำลังเกินกว่าเหตุ เข้าควบคุมตัวจนได้รับบาดเจ็บ โดยตำรวจอ้างว่าพี่ชายของตัวเองพยายามขับรถแหกด่าน แต่เมื่อตำรวจเข้าไปตรวจสอบจากกล้องบันทึกภาพบริเวณด่านตรวจ กลับพบว่าไม่ใช่รถของพี่ชายที่เป็นผู้กระทำความผิด และนำตัวพาส่งโรงพยาบาล ของเก่าขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวมองว่าการกระทำของตำรวจเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ จึงเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขนเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นตำรวจทั้ง 7 นายได้รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือกระทำตามที่ถูกกล่าวหาจริง 

ส่วนกรณีที่เดินทางเข้ามาร้องทุกข์กับตำรวจสอบสวนกลางให้ช่วยดำเนินคดี เนื่องจากกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี และอยากเรียกร้องให้ตำรวจทั้ง 7 นายเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และให้ออกจากราชการ 

ต่อมา พ.ต.ท.ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือ ปทส.(ป่าไม้) ได้เดินทาง เข้ามาสมทบกับบุตรสาว เพื่อหารือในข้อกฎหมาย เตรียม แจ้งความดำเนินคดีเพิ่ม กับตำรวจทั้ง 7 นาย ตามมาตรา 157 เปิดเผยกับทีมข่าวสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้อาการของลูกชาย หมอยังคงเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตลอด 24  ชั่วโมง หมอวันมีอาการเลือดคลั่งทางสมอง จึงต้องดูแลอาการอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นหมอประมาณการค่าใช้จ่าย 48 ชั่วโมงเกือบ 100,000 บาท 

โร่เอาผิด จร.กลาง 7 นาย รุมยำหนุ่มคาด่านตรวจ สุดท้ายอ้างผิดตัว

 

สารวัตรเจี๊ยบ ยอมรับว่าหลังเห็นสภาพลูกชาย ตนรู้สึกรับไม่ได้ เพราะตนก็เป็นอดีตตำรวจจราจรสังกัด ตำรวจจราจรกลาง มากกว่า 10 ปี ก่อนย้ายมาประจำ บก.ปทส หรือตำรวจป่าไม้ ตนไม่เคยกระทำการกับใครในลักษณะนี้มาก่อน ที่สำคัญการจับกุมมีขั้นตอนมีระเบียบระบุไว้ชัดเจนว่าต้องปฏิบัติอย่างไรแต่ทำไมเหตุการณ์นี้ตำรวจทั้ง 7 นายไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว ดังนั้นต้องดำเนินการทางกฎหมายเอาผิดให้ถึงที่สุด 
      
สารวัตรเจี๊ยบ ยังระบุอีกว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับใคร ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว เหตุการณ์แบบนี้มันควรจะเกิดตอนที่ตนเองรับราชการใหม่ๆสมัยหนุ่มๆคือย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ไม่ใช่มาเกิดในยุคปัจจุบันในยุคที่สังคมมันเปลี่ยนไปในยุคที่เทคโนโลยี และ Social Media กำลังแบ่งบาน
     
ที่สำคัญ ปัจจุบันการทำงานของตำรวจมีระเบียบ ก.ตร ควบคุม มีขั้นตอนการปฏิบัติ  มีพรบ.อุ้มหาย ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม แต่ เหตุการณ์นี้ไม่มี  หากปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับดังกล่าว อาการแบบนี้ก็ไม่น่าจะเกิดจากที่สำคัญกฎระเบียบ ขั้นตอนเหล่านั้นก็จะช่วยปกป้องตัวตำรวจเอง
       
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอยากฝากอะไรถึงตำรวจทั้ง 7 นายรวมถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ ทางสารวัตรเจี๊ยบระบุว่าตนคงไม่ฝากอะไรเพราะที่ผ่านมาทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการทำงานของตำรวจมีกฎ มีระเบียบที่ต้องปฏิบัติ เมื่อไม่ปฏิบัติก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ตามมา ตนรักอาชีพนี้ หากไม่รักคงไม่อยู่มาจนถึงเกษียณอายุราชการ แต่ตลอดระยะเวลา 30 ปีไม่เคยกระทำ ต่อผู้ต้องหาหรือประชาชนแบบนี้มาก่อน หากต้องฝากคงบอกว่า อย่าลืม ปฏิบัติตามกฎตามระเบียบตามข้อบังคับตามขั้นตอน ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่ดี และการ กระทำในลักษณะนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน

 

โร่เอาผิด จร.กลาง 7 นาย รุมยำหนุ่มคาด่านตรวจ สุดท้ายอ้างผิดตัว


      
ส่วนตัวไม่ใช่คนอาฆาตพยาบาทใคร ให้อภัย แต่เรื่องของกฎหมายก็ว่ากันไปตามนั้น วันนี้ มีโทรศัพท์ติดต่อมาหลายสายมาก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ของใครบ้างเพราะตนไม่อยากรับโทรศัพท์ของใครทั้งสิ้น ตอนนี้โฟกัสแค่ให้ลูกหายดี อยู่กับลูก ให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ที่สุด

ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.)เปิดเผยว่าขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมมีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 7 นายหยุดปฏิบัติหน้าที่จากหน้าที่เดิม ให้เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการจราจรแทน เพื่อรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เบื้องต้นยอมรับว่าทางตำรวจทั้ง 7 นาย ได้ติดตามควบคุมตัวผู้ขับขี่รถยนต์คันหนึ่งที่พยายามขับฝ่าด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ในจุดดังกล่าว จึงติดตามเพื่อสกัดจับ ก่อนพบรถยนต์ที่มีลักษณะคล้ายกันตำรวจจึงเข้าควบคุมตัว แต่ผู้ขับขี่มีท่าทีขัดขืน ทำให้ตำรวจใช้กำลังเข้าควบคุมตัว ก่อนมาทราบภายหลังว่าเข้าจับผิดคัน ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ได้นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล พร้อมขอโทษ แต่ทางญาติผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ขอยอมความ จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางเขน ส่วนการใช้กำลังเข้าควบคุมตัวเกินกว่าเหตุหรือไม่ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ญาติประสงค์จะดำเนินคดีเป็นสิทธิ์ของผู้เสียหาย ว่าไปตามกฎหมาย