- 09 ธ.ค. 2567
"หมอเจด" รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เตือนภัยคน 5 กลุ่มนี้ให้ระวัง ห้ามนวดเด็ดขาด อันตรายถึงชีวิต
จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวนักร้องสาว "ผิง ชญาดา" เสียชีวิต หลังจากเข้ารับการนวดแผนไทย จนส่งผลกระทบเกิดอาการชาครึ่งตัว และแขนซ้ายไม่สามารถใช้การได้ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด "หมอเจด" ได้ออกมาเตือนคน 5 กลุ่มนี้ให้ระวัง ห้ามนวดเด็ดขาด อันตรายถึงชีวิต
ล่าสุดทางด้าน "หมอเจด" นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า 5 กลุ่มคนที่ห้ามนวดเด็ดขาด! อันตรายถึงชีวิต
การนวดแผนโบราณหรือการนวดไทย ถือเป็นเรื่องที่คู่กับคนไทยเลยนะครับ และยังเป็ยหนึ่งในเอกลักษณ์ของไทยด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนวดผ่อนคลาย นวดเพื่อสุขภาพ หรือแม้แต่นวดรักษาอาการบางอย่าง แต่รู้ไหมครับว่า การนวด ก็ไม่เหมาะกับทุกคน เพราะบางกลุ่มอาจเจอปัญหาหนักกว่าเดิมแทนที่จะหายปวด วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังว่าใครบ้างที่ไม่ควรไปนวด 5 กลุ่มที่ว่ามีอะไรบ้างมาดูเลย
1. คนที่มีปัญหากระดูกบางหรือกระดูกพรุน
ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวเป็นคนที่กระดูกไม่แข็งแรง เช่น กระดูกบาง หรือกระดูกพรุน กลุ่มนี้ต้องเลี่ยงการนวดเลยครับ เพราะกระดูกจะเปราะแตกง่าย การนวดที่ใช้แรงเยอะ กดจุด หรือดัดตัว อาจทำให้กระดูกหักโดยที่เราไม่รู้ตัว
ยิ่งถ้าคุณเป็นผู้สูงอายุที่เริ่มมีปัญหากระดูกพรุน แต่รู้สึกปวดเมื่อย อยากไปให้หมอนวดช่วยคลายความปวด ระวังให้ดีครับ เพราะการนวดแรง ๆ ที่เราคิดว่าจะช่วยให้ดีขึ้น อาจกลายเป็นเพิ่มความเจ็บหนักกว่าเดิม จนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลกันเลย ถ้ารู้ตัวว่ามีปัญหากระดูกบาง ควรหลีกเลี่ยงการนวดแบบหนัก ๆ และปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางรักษาที่ปลอดภัยจะดีกว่าครับ
2. คนที่เป็นมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระจายไปกระดูก
คนที่เป็นมะเร็งหรือกำลังอยู่ในช่วงรักษา อาจรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวจนอยากหาวิธีผ่อนคลายด้วยการนวด แต่รู้ไหมครับว่า คนที่มะเร็งกระจายไปกระดูก หรือกำลังรับเคมีบำบัดไม่ควรนวดเด็ดขาด เพราะการนวดแรง ๆ หรือกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองในร่างกาย อาจทำให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้
นอกจากนี้ คนที่มะเร็งลุกลามไปกระดูกแล้ว บริเวณนั้นมักจะอ่อนแอเป็นพิเศษ การกดนวดหรือดัดบริเวณนั้นอาจทำให้เกิดอาการปวดหนักกว่าเดิม และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น กระดูกแตกร้าวหรือการติดเชื้อในกระดูกได้ ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังรักษามะเร็ง ให้หลีกเลี่ยงการนวดทุกชนิดครับ
3. คนที่กินยาละลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด
สำหรับคนที่กินยาละลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน หรือยากลุ่มวาร์ฟาริน ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะการกินยากลุ่มนี้ทำให้เลือดออกง่ายกว่าปกติ และหยุดเลือดยาก ถ้าระหว่างการนวดเกิดแรงกระแทกหรือกดจุดแรง ๆ จนเส้นเลือดฝอยแตก อาจเกิดรอยฟกช้ำหรือเลือดออกใต้ผิวหนังที่ร่างกายจัดการเองไม่ได้
ในบางกรณี ถ้าเลือดออกเยอะจากแรงกดหรือการใช้อุปกรณ์ช่วยนวด เช่น ไม้กดจุด อาจต้องเข้าโรงพยาบาลได้เลยนะ ถ้าคุณเป็นแบบที่ผมบอก อย่าลืมบอกหมอนวดทุกครั้งว่าเรากินยาละลายลิ่มเลือดอยู่ และเลือกนวดแบบเบา ๆ เพื่อความปลอดภัยครับ
4. คนท้อง
คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนอาจปวดเมื่อยเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลัง ปวดขา หรือปวดเอว บางคนอยากหาวิธีบรรเทาอาการด้วยการนวด แต่จริง ๆ แล้ว คนท้องต้องระวังการนวดมาก ๆ เพราะการกดจุดบางจุด เช่น บริเวณเท้า หลังส่วนล่าง หรือท้อง อาจกระตุ้นให้มดลูกบีบตัว ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้
ถ้าคุณแม่อยากนวดจริง ๆ ควรเลือกหมอนวดที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลคนท้อง และหลีกเลี่ยงการกดจุดแรง ๆ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกและช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ ที่ร่างกายมีความอ่อนไหวสูงสุดครับ
5. คนที่มีอาการติดเชื้อหรือมีไข้
คนที่กำลังมีไข้ หรือติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด ไข้เลือดออก ลําไส้อักเสบ หรือไข้จากการติดเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ควรพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการนวดครับ เพราะไการที่เราไปทําแบบนี้จะกระตุ้นให้เกิดเรื่องของการอักเสบมากยิ่งขึ้นด้วยนะครับ เพราะการนวดอาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายในระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น คนที่ไข้เลือดออก อาจมีอาการปวดเมื่อยตัว จนหลายคนอยากไปนวดเพื่อบรรเทา แต่การนวดอาจทำให้เส้นเลือดฝอยแตกง่ายกว่าเดิม และเสี่ยงต่อการตกเลือดได้ ซึ่งอันตรายถึงชีวิต ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวมีไข้ ควรรักษาให้หายก่อน แล้วค่อยพิจารณาการนวดเมื่อสุขภาพกลับมาดีอีกครั้งครับ
การนวดแผนโบราณเป็นศาสตร์ที่ช่วยผ่อนคลายและฟื้นฟูสุขภาพได้ดี ถ้าทำอย่างถูกต้องและเหมาะสม แต่สำหรับคนใน 5 กลุ่มที่พูดมา การนวดอาจไม่ปลอดภัย ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ ลองหาวิธีผ่อนคลายหรือรักษาอาการปวดที่เหมาะสมกว่าครับ หรือปรึกษาหมอดูนะครับ อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะครับ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะครับ