- 18 ธ.ค. 2567
ย้อนเรื่องราว ศึกชิงมรดกตระกูล "ศิลาสุวรรณ" ทายาทฟ้องเด็กรับใช้ปลอมลายเซ็น "วีณา ศิลาสุวรรณ" เศรษฐินีแห่งสมุทรสาคร เป็นบุตรบุญธรรม
KEY
POINTS
ต่อมาต้นปี 2567 ศามีคำพิพากษาให้เพิกถอนการจดรับบุตรบุญธรรมดังกล่าว ทำให้ไม่มีสิทธิรับมรดกกว่า 500 ล้านบาท เธอคิดว่าจบเรื่อง จึงกลับมาทำงานตามปกติ ต่อมาปลายปี 2567 กลับถูกประเมินจากเพื่อนร่วมงานว่าขาดจริยธรรมในการทำงาน จึงถูกบีบให้ออกจากงาน เธอจึงเชื่อว่าการประเมินดังกล่าวเป็นผลมาจากที่เธอไปแจ้งความ ทำให้สาวใช้รายนี้อดรับมรดกกว่า 500 ล้านบาท และอาจจะทำให้มีผู้ใหญ่บางคนเสียผลประโยชน์ จึงมองว่าสิ่งที่ต้องเจอนั้นไม่เป็นธรรม เพราะทำงานมาไม่เคยถูกร้องเรียนมาก่อน จึงคิดว่าโดนกลั่นแกล้งให้ออกจากงานอย่างแน่นอน
สามีของ น.ส.ธัญญรส บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ภรรยาเสียใจมาก 2 เดือนที่ถูกให้ออกจากงานไม่เคยเห็นภรรยายิ้มอีกเลย ตอนนี้ภรรยาอยู่ในภาวะซึมเศร้า ร้องไห้ทุกวัน จึงตัดสินใจมาร้องเพจสายไหมต้องรอด ที่ผ่านมาร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ทั้งสำนักนายกรัฐมนตรี ศูนย์ดำรงธรรม หรือส่งหนังสือไปถึง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับใด
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
กรณีเรื่องราว คนรับใช้คนสนิท ได้รับมรดก 500 ล้านจาก คุณวีณา ศิลาสุวรรณ เศรษฐีนีแห่ง จ.สมุทรสาคร แต่ญาติ ๆ ได้มีการร้องเรียนว่า การจดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมของคุณวีณาไม่ถูกต้อง เพราะคุณวีณามีอาการหลงลืม จนกระทั่งเร็ว ๆ นี้ยังมีประเด็นที่อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนอำเภอ ออกมาร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อ กรณีถูกบีบออกจากงานเนื่องจากถูกปลอมลายเซ็นในรับบุตรบุญธรรมดังกล่าวอีกด้วยนั้น
คุณวีณา ศิลาสุวรรณ เป็นเศรษฐีนีในพื้นที่ เจ้าของบ้านศิลาสุวรรณ ซึ่งเป็นเรือนไม้สักทองโบราณ 2 ชั้น อายุเก่าแก่กว่า 90ปี เธอถือเป็นผู้ใจบุญคนหนึ่งที่คอยดูแลสนับสนุนชาวสมุทรสาครมาโดยตลอด ทั้งเรื่องการก่อสร้างโรงพยาบาลนครท่าฉลอมได้บริจาคที่ดินในการก่อสร้างและบริจาคเงินช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ อีกมากมาย โดยคุณวีณา เสียชีวิตลงเมื่อปี 2564
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ทนายความของสมาชิกในครอบครัวคุณวีนา ยื่นฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการรับบุตรบุญธรรม ของคุณวีณา ศิลาสุวรรณ โดยก่อนหน้านี้ ได้มีคนรับใช้ในบ้านซึ่งเป็นคนสนิทของคุณวีณาไปยื่นเรื่องเพื่อให้รับรองตัวเองเป็นบุตรบุญธรรม และมีการนำเอกสารมาให้คุณวีณาเซ็น จนสุดท้ายเรื่องก็ได้รับการอนุมัติ ให้หญิงคนดังกล่าวเป็นบุตรบุญธรรมของคุณวีณา
เมื่อคุณวีณาเสียชีวิตลง หญิงคนดังกล่าวซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นบุตรบุญธรรมจึงยื่นเรื่องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมด ซึ่งศาลก็ได้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดกไปแล้ว ทำให้คนใกล้ชิดคนอื่น ๆในตระกูลไม่มีสิทธิ์ ทนายเล่าพฤติกรรมของสาวใช้รายนี้ว่า เมื่อปี 2560 ตนเคยเดินทางเข้าพบกับคุณวีณา เพื่อทำเรื่องเอกสารต่าง ๆ เพราะตอนนั้นคุณวีณาเริ่มมีอาการหลงลืมแล้วแต่ตนก็ถูกหญิงรายนี้กีดกันไม่ให้พบ เรื่องนี้ทางญาตินั้นไม่ทราบเรื่องมาก่อน มารู้ประมาณกุมภาพันธ์ 2565 จึงเริ่มตรวจสอบพบ จากนั้นจึงรีบดำเนินการทางกฎหมาย ส่วนเรื่องพินัยกรรมนั้น ทางญาติพี่น้องก็เข้าใจว่ามีแต่ไม่ทราบว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
ด้าน นายรัชต์พล ศิลาสุวรรณ หลานชายคุณป้าวีณา เปิดเผยว่า ตนเชื่อว่าในขณะที่มีการนำเอกสารรับรองบุตรบุญธรรมมาให้เซ็น คุณป้าน่าจะมีภาวะหลงลืม ที่สำคัญเรื่องอาการหลงลืมนั้น ก็มีการรับรองจากแพทย์ในขณะนั้น ซึ่งก็ปรากฏในรายงานการรักษา ดังนั้นจึงต้องออกมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
อย่างไรก็ดี ต้นปี 2567 ศาลมีคำสั่งเพิกถอนทะเบียนรับบุตรบุญธรรมของคุณวีณา ศิลาสุวรรณ หลังญาติ ๆ ร้องเรียนว่า สาวใช้ในบ้านแอบไปจดทะเบียนเป็นลูกบุญธรรมของนางวีณาในช่วงที่นางวีณาหลง ๆ ลืม ๆ จากนั้นเมื่อคุณวีณาเสียชีวิต สาวใช้ก็แอบไปขอศาลเป็นผู้จัดการมรดก ทำให้ทรัพย์สินมูลค่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ตกไปอยู่ในมือของสาวใช้คนนี้แล้ว
ขั้นตอนจากนี้ ญาติ ๆ จะดำเนินการติดตาม การดำเนินคดีกับสาวใช้คนดังกล่าวในข้อหาปลอมเอกสารราชการ ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ ร่วมกันสนับสนุนเจ้าหน้าที่ในการกระทำความผิดและปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามมาตรา 157
น.ส.ธัญญรส หรือ เก่ง อายุ 37 ปี อดีตลูกจ้างสาวฝ่ายทะเบียน อำเภอเมืองสมุทรสาคร เข้าร้องเรียนสายไหมต้องรอด หลังถูกให้ออกงานโดยไม่เป็นธรรม กรณีที่มีสาวใช้คนหนึ่ง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนอำเภอ ปลอมแปลงเอกสารราชการ และปลอมลายเซ็นของตัวเธอ ใช้เอกสารการจดบุตรบุญธรรม ของคุณวีณา ศิลาสุวรรณ
ที่ผ่านมา ตนเองทำงานเป็นลูกจ้างฝ่ายทะเบียน อำเภอเมืองสมุทรสาครมานานกว่า 10 ปี ไม่เคยมีปัญหา จนเมื่อมีข่าวเรื่องการรับบุตรบุญธรรม ซึ่งครอบครัวเศรษฐินี ร้องให้ตรวจสอบเอกสารการรับบุตรบุญธรรมดังกล่าวว่าทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ตนจึงค้นหาเอกสาร เนื่องจากมีหน้าที่รับผิดชอบ ก่อนพบว่าในเอกสารการรับบุตรบุญธรรมมีชื่อตัวเธอลงชื่อเป็นพยาน ทั้งที่ความจริง เธอมีหน้าที่ในการรับจดทะเบียนเท่านั้น ไม่สามารถไปลงชื่อในฐานะพยานได้ ทำให้เธอเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เรื่องการลงลายมือชื่อเป็นเท็จ