สะใภ้แสบ เลียนแบบ "แอม ไซยาไนด์" วางยาแม่ผัว-ยาย หวังปิดหนี้

ลูกสาวร้องสายไหมต้องรอด แม่และยาย ถูกพี่สะใภ้ วางยา คาดเป็น"ไซยาไนซ์" หลังมากู้ยืมเงินแม่และยายหลายครั้ง ก่อนออกอุบายชวนยายไปข้างนอก ก่อนให้กินน้ำอัดลม จากนั้นยายเกิดอาการหน้ามืดหมดสติหัวใจหยุดเต้น ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนแม่เสียชีวิต

วันที่ 19 ธ.ค.67 นายเอกภพ  เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน ได้พานางยุภาภรณ์ เวชบรรพต อายุ 30 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิต และ "นางช่วย แก้วขาว " ผู้เสียหาย อายุ 84 ปี เดินทางมาที่กระทรวงสาธารณสุข เข้าพบ ดร.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข เพื่อขอให้ตรวจสอบผลการรักษาอย่างละเอียด หลังคาดว่าสะใภ้วางยาไซยาไนด์ แม่สามีและยาย

 

สะใภ้แสบ เลียนแบบ แอม ไซยาไนด์ วางยาแม่ผัว-ยาย หวังปิดหนี้

สะใภ้แสบ เลียนแบบ แอม ไซยาไนด์ วางยาแม่ผัว-ยาย หวังปิดหนี้

 

โดยนายเอกภพ เผยว่า โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย "นางหญิง " ซึ่งผู้ต้องสงสัย และเป็นลูกสะใภ้ของ "นางช่วย" ได้ชักชวนให้ "นางช่วย" ไปตัดผม ก่อนจะมีการให้ "นางช่วย" ดื่มน้ำอัดลม ซึ่ง ณ ตอนนั้น "นางช่วย" ก็ไม่ได้ เอะใจอะไรจึงดื่มน้ำอัดลมตามปกติ หลังจากนั้นก็หมดสติไป ก่อนที่จะถูกนำส่งโรงพยาบาล

ในขณะที่ "นางช่วย" รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลระหว่างนั้นวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ต้องสงสัยได้มีการชวน “นางสาวสมหมาย” อายุ 63 ปี (ผู้เสียชีวิต) ซึ่งเป็นลูกสาวของ "นางช่วย" ไปเยี่ยม "นางช่วย" ที่โรงพยาบาล โดยระหว่างที่ทั้งคู่เดินทางกลับ ผู้ต้องสงสัยได้มีการให้ "นางสาวสมหมาย" ดื่มน้ำเปล่า จนเป็นเหตุทำให้ "นางสาวสมหมาย" หมดสติ โดยไม่ทราบสาเหตุ และต้องเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ประมาณ 11 วันก่อนจะเสียชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านี้ "นางสาวสมหมาย" มีสุขภาพแข็งแรง ปกติดีทุกอย่าง

ในส่วน "นางช่วย" นั้น โชคดีที่รอดชีวิตมาได้เพราะไม่ได้ดื่มน้ำเยอะ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ "นางสาวสมหมาย" เสียชีวิตนั้นทางญาติมองว่า ผู้ต้องสงสัยน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ต้องสงสัยเคยมีการยืมเงิน "นางช่วย" และ "นางสาวสมหมาย" เป็นจำนวนเงินหลายหมื่นบาท

สะใภ้แสบ เลียนแบบ แอม ไซยาไนด์ วางยาแม่ผัว-ยาย หวังปิดหนี้

 

นายเอกภพ เผยต่อว่า สำหรับสภาพศพของ "นางสาวสมหมาย" ทางครอบครัวพบความผิดปกติ โดยเล็บมือเล็บเท้ามีความเขียวช้ำชัดเจน ถึงแม้ไม่ได้มีการถ่ายภาพไว้แต่ก็มีประจักษ์พยานที่เห็นหลายคน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้มีการยื่นเอกสารขอชันสูตรพลิกศพกับทางโรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลได้มีการแจ้งว่าต้องให้เจ้าที่ตำรวจเป็นคนยื่นเรื่องประสานงาน 

นอกจากนี้ ยังมีคนเห็นพบวัตถุยาบางอย่าง อยู่ภายในบ้านของผู้ต้องสงสัย และด้วยความกังวลในเรื่องของความปลอดภัยทางญาติจึงพา "นางช่วย" มาขอความช่วยเหลือกับทางเพจสายไหมต้องรอด 

ส่วนตัวตนคาดว่า ทางโรงพยาบาลคงมีการเก็บผลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ "นางสาวสมหมาย" และผลการตรวจร่างกายของ "นางช่วย"ไว้ ตนจึงตัดสินใจประสานงานกับทางกระทรวงสาธารณสุขให้ช่วยตรวจสอบผลการรักษาอย่างละเอียด

สำหรับผู้ต้องสงสัยนั้น ขณะนี้ยังลอยนวลพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักใน ม.3 ตำบลบางชัน อ.ขลุง จังหวัดจันทบุรี โดยที่ยังไม่มีการดำเนินคดีใด ๆ / จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้คนในชุมชนรู้สึกหวาดกลัวเนื่องจากมีการใช้แท๊งค์น้ำเดียวกันทั้งหมู่บ้านซึ่งถ้าหากมีใครที่ไปกระทำการให้ผู้ต้องสงสัยไม่พอใจอาจจะมีการกระทำในลักษณะนี้อีกหรือไม่ 

โดยพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวนั้น ตนมองว่า เหตุการณ์คล้ายกับคดีดังอย่าง "แอม ไซยาไนด์" เนื่องจากพบยาบางอย่างอยู่ภายในบ้านของผู้ต้องสงสัย และถ้าหากตรวจสอบและพบความผิดปกติจริง ภายใน 1-2 วันนี้ ตนและทีมงานก็จะลงตรวจสอบพื้นที่ในที่เกิดเหตุ

 

สะใภ้แสบ เลียนแบบ แอม ไซยาไนด์ วางยาแม่ผัว-ยาย หวังปิดหนี้

 

ต่อมา "นางช่วย" ผู้เสียหาย เผยว่า วันเกิดเหตุ นางหญิง (ผู้ต้องสงสัย) ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ของตนได้ขักชวนให้ตนไปร้านตัดผม / จากนั้นก็ได้มีการให้ตนดื่มน้ำอัดลม และด้วยความที่ตนกระหายน้ำอยู่ และไม่ได้เอะใจอะไร จึงดื่มน้ำดังกล่าวไปได้ประมาณ ครึ่งแก้ว จนกระทั่งตนหมดสติล้มลง ซึ่งแต่ก่อนนี้ตนมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วย แต่พอโดนยาตัวนี้ไป ณ ตอนนั้นร่างกายของคนแย่ ไม่ปกติ หมดแรงง่าย

สำหรับผู้ต้องสงสัย ตนยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ผู้ต้องสงสัยเคยมายืมเงินตน เป็นจำนวนเงิน 5 หมื่นบาท และทองอีก 1 บาท ซึ่งตนก็เคยทักทวงเรื่องหนี้มาสักระยะหนึ่ง แต่ทางลูกสะใภ้ก็อาจว่า ไม่มีเงินให้ และได้ให้เงินตนมาเพียง 500 บาท 

ในขณะที่ด้าน นางสาวยุภาภรณ์ ลูกสาวผู้เสียชีวิต เผยว่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมานางหญิง (ผู้ต้องสงสัย) ได้ชักชวนให้แม่ตนไปเยี่ยม "ยายช่วย" ที่โรงพยาบาลพระปกเก้า และในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินทางกลับบ้านผู้ต้องสงสัยได้ มีการซื้อน้ำให้แม่ตนดื่ม แต่ตนก็ไม่ทราบว่า แม่ของตนนั้นดื่มน้ำไปมากน้อยแค่ไหน เพราะตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ หลังจากนั้นแม่ตนก็หมดสติไป ก่อนจะนำส่งโรงพยาบาล และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 11 - 12 วัน ก่อนจะเสียชีวิต ในวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

โดยก่อนหน้านี้ ตนยืนยันว่า แม่ของตนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวแต่อย่างใด และเท่าที่ตนทราบก่อนหน้านี้ผู้ต้องสงสัยก็เคยมีการยืมเงินแม่และยายของตนเป็นจำนวนเงินรวมกันหลายหมื่นบาท แต่ตนก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าจำนวนเท่าไหร่

นอกจากนี้ ตนสังเกตเห็นว่า หลังจากที่แม่เสียชีวิตสร้อยทอง จำนวน 3 บาท และเงิน 10,000 บาทของแม่ก็หายไป ซึ่งทรัพย์สินในส่วนนี้แม่พกไปในวันเกิดเหตุก่อนที่จะหมดสติและนำตัวส่งโรงพยาบาล

สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ทางแพทย์ยังไม่ได้มีการแจ้งชัดเจนว่า เสียชีวิตจากสาเหตุใด หลังจากนี้จะต้องให้ทางเจ้าที่ตำรวจเป็นคนไปดำเนินการขอเอกสารในเรื่องชันสูตรพลิกศพของแม่ตน

สำหรับผู้ต้องสงสัยนั้นหลังเกิดเหตุต้นยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยและผู้ต้องสงสัยเองก็ไม่เคยออกมาพูดคุยหรือสุงสิงกับคนในหมู่บ้านแต่อย่างใดจึงทำให้ชาวบ้านต่างกังวลกลัวในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากมีการใช้แท๊งค์น้ำเดียวกันทั้งหมู่บ้านซึ่งถ้าหากมีใครที่ไปกระทำการให้ผู้ต้องสงสัยไม่พอใจอาจจะมีการกระทำในลักษณะนี้อีกหรือไม่ / หลังเกิดเหตุตนได้มีการไปแจ้งความไว้ที่สภ. สภ.เกาะเปริด จ.จันทบุรี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ

 

สะใภ้แสบ เลียนแบบ แอม ไซยาไนด์ วางยาแม่ผัว-ยาย หวังปิดหนี้

 

ในขณะที่ด้าน ดร.ธนกฤต กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายเอกภพ ในประสานมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว ซึ่งพบว่ามีลักษณะคล้ายกับ "แอม ไซยาไนด์" เกี่ยวกับเรื่องการถูกวางยา ซึ่งตนขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจนกว่านี้ และขณะนี้พบสิ่งที่ไม่เป็นปกติว่ามีสารบางอย่างเข้าสู่ร่างกาย แต่ตนขอรอเอกสารยืนยันอย่างเป็นทางการ โดยเรื่องนี้มี 2 ส่วนคือ  มีคนเสียชีวิต และสารที่พบ จะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดเกิดการเสียชีวิตได้หรือไม่  

ทั้งนี้ทราบว่าคุณยายถูกให้ดื่มน้ำอัดลม ที่ผสมสารตัวเดียวกับลูกสาว แต่น่าจะมีปริมาณน้อยจึงทำให้คุณยาย ไม่เกิดผลต่อร่างกายจึงทำให้เกิดการเสียชีวิต และย้ำว่าต้องรอผลการตรวจสอบสารดังกล่าว ซึ่งจะได้ทราบว่าเป็นสารชนิดไหนกันแน่ และในสัปดาห์หน้าน่าจะมีความคืบหน้าในเรื่องนี้ ซึ่งหากการลักลอบนำสารมาใช้จนทำให้เกิดการเสียชีวิตซึ่งจะทำให้มีโทษฐานฆ่าคนตาย และการใช้สารที่ทำให้คนตายต้องดูว่ามีการไตร่ตรองก่อนหรือไม่ ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และอย่างกรณีนี้หากมีการกระทำจริงจะเข้าข่ายพยายามฆ่า 

นอกจากนี้ หากเป็นคดีอาญาตำรวจรับเรื่อง ญาติสามารถยื่นเรื่องต่อกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรับเงินเยียวยาทั้งกรณีการเสียชีวิต และคุณยายที่ถูกให้ดื่มสาร นอกจากนี้ต้องตำรวจต้องขยายผลเอาติด ว่าเป็นสารต้องห้ามหรือไม่ หากพบว่าผิดกฎหมายต้องมีการดำเนินการทั้งผู้ที่จำหน่าย และผู้ที่ซื้อ  อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะประสานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี และตำรวจเพื่อตรวจสอบแหล่งน้ำในชุมชนด้วย