- 21 ธ.ค. 2567
ตำรวจค้นบ้านเจอจดหมายหนุ่มคลั่งกราดยิงบึงกาฬ เนื้อหาน่าตกใจ พ่อเชื่อลูกตั้งใจกลับมาก่อเหตุ เคยเตือนญาติๆให้ระวังแล้ว
จากกรณีเหตุระทึก หนุ่มคลั่งกราดยิงบึงกาฬ 2 ศพ บาดเจ็บ 3 ราย ก่อนคนร้ายจะยิงตัวเองปลิดชีพหนีความผิด ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นบ้านเจอจดหมายของผู้ก่อเหตุเขียนระบายความในใจถึงหลายๆคน ด้านพ่อเปิดใจเชื่อลูกตั้งใจก่อเหตุ เคยห้ามแล้วแต่ห้ามไม่ได้
โดยหลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นบ้านผู้ก่อเหตุ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นตู้เสื้อผ้าของผู้ก่อเหตุ ทางตำรวจพบจดหมายที่ผู้ก่อเหตุเขียนถึงบุคคลหลายท่าน โดยบางฉบับระบุใจความว่า ตนเองถูกตำรวจ และผู้นำชุมชน เป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งตนโดนจับเข้าคุกเมื่อ 27 ก.พ. 2560 ก่อนจะพ้นโทษเมื่อ 15 ส.ค. 2564
และบอกอีกว่าตำรวจ สภ.แห่งหนึ่ง ติดเครื่อง v2k mindcontrol ใส่ในสมองของตัวเอง เพื่ออ่านความคิด ดูความเคลื่อนไหว ตอนที่อยู่ในเรือนจำ การกินการนอน ทุกอย่างให้กลุ่มผู้มีอิทธิพล ดูและแชร์ส่งต่อคลิปให้คนอื่นดู ในหมู่บ้านและในตำบล จึงอยากขอความช่วยเหลือ เป็นต้น
ด้านพ่อของผู้ก่อเหตุเปิดใจยอมรับ พอจะรู้ว่าลูกชายตั้งใจกลับมาก่อเหตุ เนื่องจากก่อนหน้านี้ลูกชายโทรมาหาและบอกว่าจะกลับมาหาเพื่อนบ้านเพื่อเคลียร์ปัญหาค้างคากันให้จบ ตอนนั้นก็พอจะรู้ในใจว่าลูกจะก่อเหตุ ซึ่งหลังรับสายตนก็ได้บอกข่าวกับญาติพี่น้องให้พากันระมัดระวังตัว ซึ่งตนก็ไม่กล้าอยู่บ้าน เพราะเคยเจอมากับตัวจนต้องได้ยกมือไหว้ลูกมาแล้ว ที่ผ่านมาคอยเตือนลูกตลอด เคยจะพาหาหมอแต่ลูกไม่ยอมไป และไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกชายมีปืน
ส่วนที่พบจีวร และสบงในกระเป๋าคาดว่าลูกชายคงไม่ได้สึกมาก่อน จะกลับมาก่อเหตุ ส่วนความรับผิดชอบต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ตนก็พูดไม่ออกไม่รู้จะช่วยเหลือยังไง ขอให้เรื่องพิธีงานต่างๆ เสร็จสิ้นก่อน
ด้านนายชาตรี ศิริกาญจน์ ผหญ.บ้านโพนแก้ว ได้เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 ที่ผู้ก่อเหตุเดินทางกลับมาบ้าน ข้างบ้านที่เป็นคู่กรณีกันมาก่อนก็เปิดเครื่องเสียงในรถจนเสียงดัง ซึ่งอาจจะสร้างความรำคาญให้กับผู้ก่อเหตุที่เดินทางมาเหนื่อยๆ หรืออาจต้องการพักผ่อน เลยออกมาเคียร์กันจนมีปากมีเสียงกัน แล้วแจ้งมาทางผู้ใหญ่บ้าน
ตอนนั้นตนก็ลงไปดู แต่ก็ไม่เจอแล้วเพราะทั้งคู่แยกย้ายกันแล้ว คิดว่าต้นเหตุน่าจะมาจากการก่อกวนซึ่งกันและกัน และอีกสาเหตุคงเพราะทั้งสั่งฝ่ายอาจจะมีเรื่องอดีตของทั้งสองฝ่ายที่รู้กันเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุ