"หมอเดชา" ชี้ "แบงค์" เป็นผู้พิการไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ แนะทนายฟ้องได้

"หมอเดชา ปิยะวัฒน์กูล" จิตแพทย์ เผย "แบงค์ เลสเตอร์" เป็นผู้พิการไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ แนะทนายฟ้องคนรังแกได้

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 67 ทางด้าน นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล จิตแพทย์ โรงพยาบาลไทยนครินทร์ เคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊ก เดชา ปิยะวัฒน์กูล โพสต์วิเคราะห์อาการของ "แบงค์ เลสเตอร์" อินฟลูเอนเซอร์ ที่โด่งดังมาจากการแร็ปขายพวงมาลัยเลี้ยงคุณยาย

หมอเดชา ชี้ แบงค์ เป็นผู้พิการไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ แนะทนายฟ้องได้

โดยทางด้าน หมอเดชา เผยว่า เสร็จงานแล้วมาตามอ่านข่าวน้องคนที่ดื่มจนเสียชีวิตจึงได้ข้อมูลเพิ่มพอให้มาอธิบายในฐานะแพทย์ที่มีความรู้ทางนี้บ้างดังนี้นะครับ

1. น้องน่าจะมีสภาวะ Intellectual Disability ครับ ไม่ใช่ Autism หลายปีหลังมานี้ผมมักเห็นคนเรียก ID เป็นออติซึ่มบ่อยๆจนมั่วไปหมด มันคนละอย่างกันนะครับ

Intellectual Disability คือสภาวะที่พัฒนาการทางสมองบกพร่องเกือบทุกด้าน เดิมเราเรียก Mental Retardation หรือปัญญาอ่อน แต่เนื่องจากคำเดิมถูกนำไปใช้ผิดๆเป็นคำด่า แพทย์จึงเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ครับ

ส่วน Autism นั้นคือสภาวะบกพร่องทางพัฒนาการด้านการพูดและสังคมเป็นสำคัญ ดังนั้น ID กับออจึงมีลักษณะไม่เหมือนกันเลย คือ ID สติปัญญาด้านความฉลาดไม่ค่อยดี แต่ด้านสังคมมักพอใช้ได้ ในขณะที่ออนั้นสติปัญญาด้านความฉลาดมักจะดี ในขณะที่ด้านสังคมกลับบกพร่อง

พูดเป็นภาษาบ้านๆให้เข้าใจง่าย ออนั้นฉลาดแต่ผูกพันกับคนไม่ค่อยเก่ง ขณะที่ปัญญาอ่อนนั้นไม่ค่อยฉลาดแต่รักและผูกพันกับคนได้เหมือนกับพวกเรา คนปัญญาอ่อนจึงสามารถเข้าสังคมได้ รักพ่อแม่ รักคนรอบตัว

ดังนั้นทีหลังเวลาจะด่ากันควรใช้คำด่าว่าไอ้ไม่ปัญญาอ่อน เพราะคนปัญญาอ่อนใจดีกว่าพวกเราน่ะเมื่อเทียบกับระดับสติปัญญา มีแต่คนไม่ปัญญาอ่อนเท่านั้นที่ใจดำ แล้วไม่ค่อยรักคนอื่น

หมอเดชา ชี้ แบงค์ เป็นผู้พิการไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ แนะทนายฟ้องได้

2. ถาม - ไอ้หมอมึงอย่ามั่ว มึงรู้ได้ยังไงว่าเขาสติปัญญาบกพร่อง

ตอบ - ไม่รู้หรอกครับ แค่ดูคลิปผิวเผินไม่ได้ตรวจ แต่ผมเคยทำงานโรงพยาบาลยุวประสาท เคยเรียนเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลราชานุกูลนิดหน่อย ผมชำนาญพอจะบอกได้ว่าใคร IQ เท่าไหร่แม้จะยังไม่ได้ตรวจน่ะครับ ถ้าใครไอคิวต่ำกว่า 140 ผมคุย 5 นาทีผมพอเดาได้เลย รับรองไปตรวจ WAIS-R ผลออกมาผมผิดไม่เกิน 10 คะแนน 555..

น้องคนนี้ไอคิวคง 70-80 ครับ คนมักเข้าใจผิดว่า ID จะต้องเดินตุปัดตุเป๋น้ำลายยืดอะไรพรรค์นั้น ไม่ใช่เลยครับ ID แบบนั้นคือระดับ severe ไอคิวแค่ 30-40 ID ทั่วไปไอคิว 60-70 จะพูดรู้เรื่อง ถ้า 70+ นี่คิดเลขง่ายๆได้ บางคนอ่านเขียนได้ด้วยซ้ำ แล้วตรงนี้จะโยงไปถึงข้อต่อไป

หมอเดชา ชี้ แบงค์ เป็นผู้พิการไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ แนะทนายฟ้องได้

3. ID เป็นหนึ่งในสามสภาวะทางจิตที่กฎหมายคุ้มครองนะครับ (ศาลฎีกาเคยตีความว่า ID คือสภาวะจิตบกพร่องครับ)

ถ้ามีผลตรวจ IQ ยืนยัน มีบัตรผู้พิการ หรือมีหนังสือของศาลสั่งให้เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ยายสามารถเอาเรื่องไอ้คนที่แกล้งน้องได้อย่างถึงที่สุดเลยครับ

เพราะประตูสู้คดีที่ว่าผู้ตายเต็มใจดื่มเองนั้น ถ้าเจอทนายเก่งๆสามารถชี้ช่องได้ว่าผู้ตายเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถอย่างเห็นได้ชัด ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เต็มที่ดังเช่นคนปกติทั่วไป ผู้ใดรังแก ชักชวน หรือหลอกล่อให้ผู้ตายกระทำการใดอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเองและ/หรือผู้อื่นย่อมมีความผิด

โทษก็ระดับเดียวกับมอมเหล้าเด็กตายน่ะครับ ผู้ใหญ่ไอคิว 70 ระดับสติปัญญาก็พอๆกับเด็กอายุ 8-9 ขวบ หลอกเด็ก 8 ขวบกินเหล้าจนตายผิดไหมล่ะครับ?

ปัญหาคือผมเดาว่าครอบครัวไม่เคยตรวจ IQ ให้ผู้ตาย แล้วทนายเผลอๆไม่รู้กฎหมายข้อนี้

4. ส่วนเรื่องระดับของ BAC ที่เขียนไว้ในโพสต์ก่อนตอนนี้ไม่สำคัญเท่าเรื่อง predisposing factor ของผู้ตายแล้ว เพราะตอนเขียนโพสต์นั้นผมยังไม่ทราบครับว่าผู้เสียชีวิตอาจจะเป็น ID แต่จะให้เอามาอธิบายตรงนี้อีกทีก็ได้ครับ

     4.1 ขนาด lethal dose หรือทำให้ตายได้ของ alcohol ในคนไทยที่ตัวไม่ได้ใหญ่แบบฝรั่ง ในผู้ชายคือดื่มเกิน 10 drinks หรือเหล้า 1 แบน ผู้หญิงคือเกิน 5 drinks หรือครึ่งแบนในเวลา 1 ชั่วโมง ถ้าดื่มมากกว่าหรือเร็วกว่าขนาดที่ว่านี้ ถึงตายได้ครับ

     4.2 ผู้ชายทนแอลกอฮอล์ได้มากกว่าผู้หญิงเกือบ 1 เท่าตัวไม่ใช่เพราะตัวใหญ่กว่านะครับ แต่เพราะในตับของผู้หญิงมีเอนไซม์ตัวที่ชื่อ alcohol dehydrogenase ต่ำกว่าผู้ชาย ดังนั้นผู้หญิงเมาเร็วกว่า ง่ายกว่า ตายเร็วตายง่ายเวลาดื่มเหล้ามากกว่าผู้ชายเยอะครับ (ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลาผู้หญิงเมา จึงเมายิ่งกว่าหมา อันนี้ไม่ได้เป็นการดูถูกทางเพศ แต่เป็นข้อเท็จจริงทางชีววิทยา บริษัทเหล้าบริษัทไหนจับ target group เป็นเด็กวัยรุ่นผู้หญิงนี่แ***จึงโคตรแย่เลยครับ)

     4.3 ถ้าต้องการป้องกันระดับแอลกอฮอล์ในเลือดไม่ให้สูงเกินไปให้ใช้วิธีดื่มให้ช้าลงครับ ตย.เป็นที่ทราบกันว่าถ้ากินเบียร์เกิน 1-2 กระป๋องเล็กภายใน 1 ชั่วโมงมีสิทธิ์เป่าเครื่องตรวจแล้วไม่ผ่าน ถ้าใครจะดื่มแล้วขับก็อย่ากินเกินชั่วโมงละกระป๋องครับ ถ้าอยากกิน 2-3 กระป๋องก็ต้องนั่งอยู่ 2 ชั่วโมง ถ้า 3 ชั่วโมงก็อาจได้ 4-5 กระป๋องเป็นต้น ตรวจแล้วถึงจะมีสิทธิ์ผ่าน

สรุปเรื่องปริมาณการดื่มภายใน 1 ชั่วโมงกับระดับ BAC และอาการอีกที (1 ดื่ม = เบียร์ 1 กระป๋อง ไวน์ 1 แก้ว หรือเหล้า 1 เป๊ก ส่วนเลข BAC แบบฝรั่ง = ของไทยหารพัน เช่น ของฝรั่ง 0.1% = ของไทย 100mg%)

2 ดริ้งค์ 50mg% ขับรถไม่ได้ ผิดกฎหมาย ถ้าคุณดื่มจนรู้สึกกรึ่มๆ หน้าแดง นั่นเลยแล้วครับ

4 ดริ้งค์ 100mg% เมาแล้ว

6 ดริ้งค์ 150mg% เมาเละเทะเป็นหมาแล้ว เลยระดับนี้จะไม่มีความสนุกอีกต่อไป

8 ดริ้งค์ 200mg% เมาจนไม่รู้เรื่อง จำอะไรไม่ได้ คนส่วนใหญ่น็อคแล้ว จุดนี้ต่อให้ว่ายน้ำเก่ง ตกน้ำก็ตาย

12 ดริ้งค์ 300mg% สลบ โคม่า เสี่ยงตายแล้ว พาไปโรงพยาบาลหมอต้องปั๊มน้ำเกลือด่วนน่ะ

> 400mg% ตายคักๆ รอดได้คือยมบาลลางานอยู่

อ้อ ถ้าเป็นผู้หญิง กรุณาหารปริมาณเหล้าด้วยสอง

หมอเดชา ชี้ แบงค์ เป็นผู้พิการไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ แนะทนายฟ้องได้

5. และกรณีผู้ดื่มเป็น ID มันจะมีผลยังไง ตอบ - มันก็เมาง่ายตายง่ายกว่าคนธรรมดาน่ะสิครับ ตรงไปตรงมา สมองไม่แข็งแรง ยังเอาแอลกอฮอล์ไปทำร้ายสมอง ...จะไปเหลือ

เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ ID คือสมองไม่แข็งแรงของจริงครับ สมมุติผ่าเอาสมองออกมาดู จะเห็นสมองเหี่ยวเล็กกว่าคนปกติของจริง อายุไม่ยืน พอ 40 เป็นอัลไซเมอร์ตายก่อนคนทั่วไปนี่ก็ของจริง แบบสัญญาลูกของเด๋อน่ะ

เวลาเราดูแลคนไข้กลุ่มนี้เราจะอธิบายให้ครอบครัวเข้าใจเลยว่าถ้าอยากอยู่กันนานๆ อย่าใช้สารเสพติด อย่าดื่มสุรา ต่อให้สมองไม่ดีก็พึงใช้สมองเยอะๆ คิดนู่นเรียนรู้นี่ พูดนั่นเล่นนี่ ผมมีคนไข้กลุ่มนี้พอดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวได้เยอะแยะไป เขาแค่ไม่ค่อยฉลาด แต่ในความเป็นมนุษย์บางด้านของเขานั้นมีสูงกว่าเราด้วยซ้ำ แม้กระนั้นผมก็ไม่เคยเจอใครอายุเกิน 60 ได้สักคน เคยเจอคนที่อยู่ได้นานที่สุดก็ 50 กว่า ดังนั้นอย่าไปทำอะไรเขาเลย ยังไงเขาก็อยู่กับเราได้ไม่นานอยู่แล้ว ใครไปรังแกผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้นี่ผมว่าโคตรใจดำเลย ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูด

เฮ้อ...