- 02 ม.ค. 2568
พี่ชาย ร้องสายไหมต้องรอด น้องชายถูกตำรวจขับรถเฉี่ยวชน หลังแจ้งความคดีไม่คืบหน้า ซ้ำถูกนายตำรวจยศสูง พยายามบีบร้อยเวรให้โยนความผิดให้น้องชายเป็นฝ่ายผิดฝ่ายเดียว
เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 2 ม.ค.68 ที่สำนักงานเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 นายณรงศักดิ์ เรืองทอง อายุ 28 ปี อาชีพรับจ้าง เข้าร้องเรียนกับนายนิรันดร์ เกแง้ว ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด หลังนายธนวัฒน์ พิลา อายุ 25 ปี น้องชาย ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองได้รับความเสียหายหนัก โดยคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดบช.น. แจ้งความแล้ว 2 เดือน คดีไม่คืบหน้า
นายณรงศักดิ์ เปิดเผยว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ย.68 เวลาประมาณ 23.00 น. บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้าก่อนถึงห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต น้องชายของตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาในช่องทางที่ 2 ส่วนคู่กรณีที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ส.ต.ท. สังกัดบช.น. ขับรถรุ่น CAMRY ยี่ห้อ TOYOTA สีดำ มาในช่องทางที่ 3 และเบี่ยงเข้าช่องทางที่ 2 ทำให้เกิดการชนกันเกิดขึ้น ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของสภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์อยู่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณนั้นจึงเข้าให้การช่วยเหลือ และนำตัวคู่กรณีไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ พบว่าคู่กรณีไม่พบค่าแอลกอฮอล์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะพาตัวน้องชายของตนไปส่งยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุคู่กรณีก็มีการไปลงบันทึกประจำวันที่สภ.คลองหลวง
จากนั้นตนมาทราบภายหลังในช่วงเช้าของอีกวันว่าน้องชายตนได้รับอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส ปอดฉีก ซี่โครงหัก มีอาการเลือดคลั่งในสมอง เนื้อสมองบาดเจ็บสาหัส ทางคู่กรณีได้มาเยี่ยมน้องชายตนที่โรงพยาบาลในวันที่ 11 พ.ย. เพียงครั้งเดียว อีกครั้งหนึ่งคือไปเจอกันที่สภ.คลองหลวงเพื่อเจรจา
โดยในวันที่เจรจากันทางคู่กรณีก็มีการพานายที่อ้างว่าเป็นผู้บังคับบัญชาเข้าไปคุยกับร้อยเวรที่รับผิดชอบคดี ก่อนที่ตนจะได้พูดคุยเจรจา โดยคู่กรณีอ้างว่าในวันเกิดเหตุตนเองขับรถมาเพียง 60-70 กม./ชม. น้องชายของตนกลัวด่านตำรวจจึงขี่รถเข้าเลนขวาตัดหน้าคู่กรณี และยังกล่าวต่ออีกว่าจะเยียวยาน้องชายของตนก็ต่อเมื่อมีการชี้มูลความผิดกันเสร็จสิ้น
ซึ่งจากการกล่าวอ้างของคู่กรณีว่าขับรถมาด้วยความเร็ว 60-70 กม./ชม. นั้น ตนก็ได้ไปทำการขอภาพกล้องวงจรปิดจากบริเวณที่เกิดเหตุ และตนได้ทำการเทียบเฟรมเลทวิดีโอกล้องวงจรปิดระหว่างตอม่อแล้วพบว่าความเร็วอยู่ที่ 108 กม./ชม. อย่างไรก็ตามในส่วนนี้จะต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง
ซึ่งเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.67 ที่ผ่านมาตนได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็มีการสันนิษฐานว่าทางน้องชายของตนเป็นผู้ผิดแต่ยังไม่ได้ชี้ชัด ต้องรอหลักฐานการตรวจสอบอีกครั้ง
ขณะนี้อาการน้องชายของตนพึ่งฟื้นมาได้และพึ่งออกจากโรงพยาบาลได้เพียง 4 วัน และทำได้เพียงแค่ลืมตาเท่านั้น ส่วนค่ารักษาของน้องชายตนนั้นใช้ประกันสังคมจ่าย ซึ่งตนเดินทางมาร้องสายใหม่ต้องรอดในวันนี้ เนื่องจากกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต้องการความรับผิดชอบจากคู่กรณี
ขณะที่นายนิรันดร์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการประสานไปยังผกก.สภ.คลองหลวง เพื่อทำการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายต่อไป