สั่งย้ายแล้ว2ตำรวจ เรียกสอบโครงการฉาว อบรมอาสาตำรวจจีน เก็บหัวละ 38,000

เรียกตัวนักศึกษาจีน สอบปากคำ "ดร.หลี่ จาง -นศ.จีน-ผู้จัดอบรม" สอบโครงการฉาว อบรมอาสาตำรวจคนจีน เก็บค่าอบรมหัวละ 38,000 บาท หลังจบหลักสูตรมอบเสื้อกั๊กตำรวจ

กรณีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจัดโครงการฉาวอบรมอาสาตำรวจคนจีน เก็บค่าอบรมหัวละ 38,000 บาท มีตำรวจ กก.สส.บก.น.3 เป็นวิทยากร หลังจบหลักสูตรมอบเสื้อกั๊กตำรวจ บัตรอาสาตำรวจตั้งคำถามทำได้หรือไม่

 

ล่าสุดที่กองบังคับการตำรวจนครบาล3 (บก.น.3 ) เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 ม.ค.68 พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 , พ.ต.อ.สุทธิศักดิ์ วันที รอง ผบก.น.3 ในฐานะประธาน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวเรียก ดร.หลี่ จาง (Dr.LI ZHANG) ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติ มหาวิทยาลัยสยาม และนักศึกษาจีน 3 คน เรียนระดับปริญญาโทที่เข้าอบรมโครงการ และผู้จัดอบรม มาชี้แจ้งข้อเท็จจริง

สั่งย้ายแล้ว2ตำรวจ เรียกสอบโครงการฉาว อบรมอาสาตำรวจจีน เก็บหัวละ 38,000

ต่อมาเวลาประมาณ15.30 น. มีกลุ่มคนจีนเป็นชาย 4 คน มี ดร.หลี่ จาง นักศึกษาจีน 3 คน เกี่ยวข้องกับโครงการ เรียกมาสอบสวนเดินลงมาจากอาคารสำนักงานบก.น.3 ภายหลังการสอบสวนเกือบ 6 ชั่วโมง ก่อนทั้งหมดจะขึ้นรถคันเดียวกันกับออกไป

สั่งย้ายแล้ว2ตำรวจ เรียกสอบโครงการฉาว อบรมอาสาตำรวจจีน เก็บหัวละ 38,000

พล.ต.ต. เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น. 3 เปิดเผยว่า วันนี้มีการสอบปากคำ 3 ส่วนคือ อาจารย์ชาวจีน ผู้จัดอบรมชาวจีนที่เอาบุคคลภายนอกเข้ามาอบรม และ นักเรียนนักศึกษาที่เข้าอบรม โดยวันนี้เป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว จะนำผลสอบข้อเท็จจริงไปรายงานให้กับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลทราบ 

สั่งย้ายแล้ว2ตำรวจ เรียกสอบโครงการฉาว อบรมอาสาตำรวจจีน เก็บหัวละ 38,000

ในส่วนของนักศึกษาและอาจารย์ให้การว่า การเข้าอบรมในครั้งนี้ มี 27 คน เป็นชาวจีน 26 คน คนไทย 1 คน มีชาวจีน 13 คน เรียนทุนศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยสยาม ส่วนอีก 13 คน เป็นคนนอก ที่ถูกเรียกเก็บเงิน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเงินที่เก็บมานั้นเอาไปให้กับผู้ใด หรือมีการเรียกเก็บเงินจริงตามที่ทั้ง 13 คนกล่าวอ้างหรือไม่ 

สั่งย้ายแล้ว2ตำรวจ เรียกสอบโครงการฉาว อบรมอาสาตำรวจจีน เก็บหัวละ 38,000

ส่วน ดร.หลี่จาง ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติมหาวิทยาลัยสยาม จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานของมหาวิทยาลัย ไม่ใช่ผู้จัดอบรม แต่มีผู้จัดอีกคนที่เป็นชาวจีนเหมือนกัน ซึ่งก็มีส่วนเกี่ยวข้องกันโดยให้สมาชิกแจ้งข่าวเพื่อให้ชาวจีนช่วยเหลือคนจีนที่ทำการค้าในไทย โดยเรื่องนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังไม่ได้มีการสอบถามมหาลัยว่าทราบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ 

ส่วนตำรวจ 2 นายที่เข้าเกี่ยวข้องนั้น จากการสอบเบื้องต้น ทราบว่า ผู้จัดอบรมที่เป็นคนจีนรู้จักกับรองผู้กำกับสืบสวนนครบาล 3 เชิญไปเป็นวิทยากร และทางรองผู้กำกับก็ได้มีการขออนุญาตผู้กำกับสืบสวนนครบาล 3 เท่านั้น ยังไม่มีหนังสือมาถึงระดับผู้บังคับการ จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกมิติอีกครั้งว่านายตำรวจทั้งสองคนมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้นอกเหนือจากการเป็นวิทยากรหรือไม่ ถ้าหากมีมูลจะพิจารณาให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลตั้งกรรมการสอบวินัยและอาญา

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท. สยาม บุญสม ผบช.น.มีการเซ็นคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 2 นายย้ายเข้าไปปฏิบัติงานที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาลระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวโทรสัมภาษณ์ผศ.เวทิต ทองจันทร์ รองผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยสยาม  กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้ตรวจดูหนังสือ ที่ส่งมา เชิญ ตำรวจกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เพื่อขอคำแนะนำในการอบรมอาสาตำรวจให้กับนักศึกษาจีน พบว่าหนังสือดังกล่าว ไม่ใช่หนังสือทางการจากมหาวิทยาลัย เพราะจากการที่ได้พูดคุยกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยสยาม ท่านอยู่ต่างประเทศ แจ้งแล้วว่า เอกสารถ้าเป็นทางการจะต้องออกจากสำนักอธิการบดี ที่ท่านมอบหมาย การอบรมในครั้งนี้ คงเป็นการอบรมแค่ในคลาส ไม่ใช่ของมหาวิทยาลัยเปิดอบรม

สั่งย้ายแล้ว2ตำรวจ เรียกสอบโครงการฉาว อบรมอาสาตำรวจจีน เก็บหัวละ 38,000

เพราะมีจำนวนผู้เข้าอบรม 30คน และมหาวิทยาลัยมีการจัดอบรมหลายแบบ อันนี้น่าจะเป็นคลาสของนักศึกษาจีนที่เชิญตำรวจเข้ามาเพื่ออบรมด้านนี้ แต่ในมุมมองของมหาวิทยาลัย จะไม่มีทางเก็บค่าใช้จ่าย แม้จะเป็นการอบรมภายใน อาจารย์ที่ดูแลนักศึกษาจีน ได้ทำจดหมายเชิญตำรวจมา แต่ถ้าถามว่าผิดธรรมเนียมหรือไม่ ต้องบอกว่าผิดธรรมเนียนที่เขาออกเอกสารไปเองโดยไม่ได้ผ่านมหาวิทยาลัย
  
หลังจากมหาวิทยาลัยเปิดเรียนการสอน จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมและปิดทำการ และอาจารย์ก็ไปต่างประเทศกัน มหาวิทยาลัยจะเปิดสัปดาห์หน้า

ผศ.เวทิต ยืนยันว่า เอกสารหรือหนังสือเชิญของมหาวิทยาลัย ไม่สามารถออกเองโดยอาจารย์ได้ จะต้องผ่านขั้นตอนของผู้บริหารมหาวิทยาลัยเท่านั้น ส่วนจะเอาผิดได้หรือไม่นั้น ผศ.เวทิต ชี้แจงว่า การเอาผิดมี2ประเด็น คือ เรื่องภายในกรณีที่อาจารย์ผู้ดูแลนักศึกษาจีนไปออกเอกสารเชิญตำรวจเอง โดยไม่ผ่านมหาวิทยาลัย ถือเป็นความผิดทางวินัย ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจะมีการดำเนินการ
    
ส่วนประเด็นเรื่องของการเก็บเงิน 38,000บาท มีจริงหรือไม่? คงต้องร่วมมือกับตำรวจว่าตำรวจมีการติดต่อมาหรือยัง ผบช.น.มีการสั่งการแล้วเชื่อว่า หลังจากนี้ตำรวจคงจะติดต่อเข้ามา แต่ส่วนตัวเชื่อว่า เป็นการแอบอ้างอย่างแน่นอน เพราะอาจารย์ชาวจีน คนที่ปรากฎชื่อก็ไม่สามารถไปเก็บเงินอะไรมาได้ 

สั่งย้ายแล้ว2ตำรวจ เรียกสอบโครงการฉาว อบรมอาสาตำรวจจีน เก็บหัวละ 38,000
    
ทั้งนี้ ยืนยันชัดเจนว่า ตามระเบียบมหาวิทยาลัย เงินที่เข้าจะต้องผ่านการเงินของมหาวิทยาลัย เหมือนกับการลงทะเบียนเรียน และทุกหลักสูตรของมหาวิทยาลัย แม้จะมีการอบรมเล็กน้อย จะต้องโอนผ่านบัญชีมหาวิทยาลัยสยามเท่านั้น
    
ส่วนที่  Dr.LI Zhang (หลี่ชาง)  เป็นอาจารย์ผู้ดูแลนักศึกษาจีน ท่านเป็นคนจีนที่มาจากเมืองจีน เพื่อดูแลนักศึกษาจีน และเอกสารในจดหมายก็มีการใช้ภาษาผิดไปเยอะ อาจจะเกิดจากความผิดพลาดในระบบการแปลภาษา โดยไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญภาษาไทยช่วยดู

ผศ.เวทิต กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ อาจารย์ชาวจีนไม่เคยมีกิจกรรมลักษณะนี้มาก่อน และที่ผ่านมามหาวิทยาลัยไม่ได้ทำกิจกรรมเกี่ยวกับอาสาตำรวจเลย แต่ตำรวจก็เคยเข้ามามีส่วนร่วมกับมหาวิทยาลัยหลายโครงการส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องการเรียน โดยถ้ามีการอบรมที่ต้องประสานไปยังตำรวจ จะต้องผ่านทางมหาวิทยาลัยเท่านั้น
    
ส่วนรูปภาพที่ปรากฎ นั่งอบรมใส่เสื้อกั๊กตำรวจที่แชร์ในโซเชียลนั้น ส่วนตัวมองว่า ไม่น่าจะใช่สถานที่ของมหาวิทยาลัย และดูแล้วไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นห้องไหนอย่างไร เพราะตนดูแลงานระบบภาพของมหาวิทยาลัย ไม่มีภาพนี้เข้ามาในระบบเลย ประเด็นนี้ยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจน รวมถึงภาพที่ปรากฎในคลิปวิดีโอ เท่าที่ตนดูไม่น่าจะใช่ ม.สยามหรือไม่ หลังจากนี้จะต้องไปตรวจสอบกับอาจารย์ที่ดูแลนักศึกษา และตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้ง