ครูสาวชาวอุบล ร้องสายไหมต้องรอด ถูกมิจฉาชีพ อ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และ เจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อสูญเงินกว่า 1.2ล้านบาท

ครูสาวชาวอุบลราชธานีรายหนึ่ง เล่าว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม 68 ที่ผ่านมา มีเบอร์โทรจาก อบต.ท้องถิ่น ที่ตนเองได้ไปซื้อที่ดินไว้ โทรมาแจ้งว่าที่ดินดังกล่าวมีปัญหาที่ทับซ้อนกับที่ดินข้างเคียง ขอให้ตนเองไปขอเอกสารที่สำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี และนำไปยื่นที่ อบต. เพื่อจะเจรจากับเจ้าของที่ดินข้างเคียง จัดการรังวัดที่ดินใหม่

 

ซึ่งอีกฝ่ายรู้ข้อมูลที่ดินของตนเองหมด ว่าเป็นที่ดินในป่า มีการจดทะเบียน มีบ้านเลขที่ ทำให้ตนเองหลงเชื่อว่าที่ดินมีปัญหาจริง จากนั้นอีกฝ่ายจึงให้เบอร์สำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานีมา แต่เมื่อตนเองโทรไป ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้ไปกรอกข้อมูลยื่นออนไลน์ และเริ่มมีพิรุธ ตนเองคิดว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ จึงตัดสินใจวางสายไป

ครูสาวอุบล เกลี้ยง1.2ล้านหลงเชื่อเบอร์โทรจาก อบต.ท้องถิ่น-จนท.ธนาคาร
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีอีกเบอร์โทรเข้ามา ตอนแรกตนเองไม่รับ แต่อีกฝ่ายก็โทรมาไม่หยุด จนตนเองเริ่มเห็นว่าเบอร์ดังกล่าวคุ้นตา เมื่อนำไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต ก็พบว่าเป็นตรงกับเบอร์ของธนาคารชื่อดัง ตนเองจึงตัดสินใจรับสาย ซึ่งคราวนี้อีกฝ่ายพูดคล่องแคล่ว ไม่เหมือนมิจฉาชีพที่เคยโทรมา และบอกว่าโทรศัพท์มือถือตนเองโดนแฮ็ก ต้องรีบแก้ไข ประกอบกับจังหวะเดียวกันโทรศัพท์มือถือของตนเองก็เริ่มมีอาการค้าง และช้าจริงๆ ทำให้ตนเองเชื่อและทำตามที่อีกฝ่ายแนะนำ

ครูสาวอุบล เกลี้ยง1.2ล้านหลงเชื่อเบอร์โทรจาก อบต.ท้องถิ่น-จนท.ธนาคาร

โดยตอนแรก ก็บอกให้ตนเองเข้าแอพธนาคาร เข้าไปตั้งค่ารักษาความปลอดภัยต่างๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงวงเงิน หรือการโอนเงิน และยังให้ตนเองเข้าไปเช็กแอพแปลกปลอมในโทรศัพท์ด้วย ทำให้ตนเองเชื่อโดยสนิทใจว่าเป็นการรักษาเงินในบัญชี แต่จู่ๆ โทรศัพท์ก็ช้าลงจนพิมพ์อะไรไม่ได้ อีกฝ่ายจึงบอกว่ามิจฉาชีพเริ่มทำงานแล้ว ต้องรีบเอาเงินออกจากบัญชีธนาคารโดยเร็วที่สุด

 

ด้วยการโอนไปที่บัญชีของบุคคลหนึ่งซึ่งธนาคารเตรียมไว้สำหรับการป้องกันมิจฉาชีพ จากนั้นให้ไปแจ้งความ และนำสลิปการโอนเงินไปรับเงินคืนที่ธนาคารสาขาได้ ตนเองหลงเชื่อ ยอมโอนเงินไป 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1.2 ล้านบาท

ครูสาวอุบล เกลี้ยง1.2ล้านหลงเชื่อเบอร์โทรจาก อบต.ท้องถิ่น-จนท.ธนาคาร
หลังตั้งสติได้ ตนเองได้โทรไปที่ธนาคารเพื่อขออายัดบัญชีมิจฉาชีพ แต่ก็ไม่ทันได้ถามว่าเหตุใดเบอร์ที่โทรเข้ามาจึงเหมือนเบอร์คอลเซนเตอร์ของธนาคารดังกล่าว จากนั้นก็ไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี แม้ตำรวจจะรับแจ้งความ แต่ก็บอกว่าไม่น่าจะได้เงินคืน ทำให้ตนเองใจเสีย และเมื่อกลับมาตรวจดูแอพแปลกปลอมอีกครั้ง ตนเองก็พบแอพแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จึงถอนการติดตั้งแอพดังกล่าวไป ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าแอพดังกล่าวติดตั้งไว้ตั้งแต่ตอนไหน เพราะก่อนหน้านี้ลูกสาวมักจะยืมโทรศัพท์มือถือของตนเองไปเล่นเป็นประจำ