- 15 ม.ค. 2568
‘เอก สายไหมต้องรอด’ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้ออกมาเปิดใจ หลังดีเอสไอแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
วันนี้ (15 ม.ค.) เวลา 11.00 น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ (เอก สายไหมต้องรอด) ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดได้มีการเปิดใจถึงประเด็นที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จะมีการแจ้งความดำเนินคดีตน ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา “ด้วยพฤติการณ์ของ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ กับพวก
ได้กล่าวยืนยันในข้อเท็จจริงในลักษณะที่ทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนทั่วไปหลงเชื่อและเข้าใจผิดได้ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางอาญาที่เป็นคดีพิเศษรวมถึงคดีพิเศษอันเกี่ยวกับคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (คดีแชร์ลูกโซ่) คอยให้ความช่วยเหลือ หรืออำนวยความสะดวกหรือกระทำการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการมิชอบด้วยกระบวนการทางกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์กับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ผู้ต้องหาในคดีพิเศษ การแถลงข้อมูลและใส่ความดังกล่าวไม่มีมูลความจริงและปราศจากพยานหลักฐานอ้างอิงทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายโดยตรงได้รับความเสียหายการกระทำของบุคคลดังกล่าวกับพวกอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ การกระทำมิได้ประสงค์ จะให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนด้วยความสุจริตกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมอบหมายให้ผู้อำนวยการกองกฎหมายร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ และผู้ที่เกี่ยวข้องในความผิดฐาน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และมาตรา 328 ต่อไป”
นายเอกภพ กล่าวว่า สิ่งที่ตนนำมาพูดทั้งหมดนั้นตนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยได้มีการคิดเหมือนกันกับตนและตนได้มีการเอาสิ่งที่คนคิดมา ดีเอสไอเป็นองค์กรของรัฐเป็นหน่วยงานของรัฐที่กินภาษีประชาชน เวลาที่เราเห็นข่าวการโกงกินหรือมีการทุจริต คนที่ต้องเจ็บช้ำคือตนในฐานะประชน ตนเป็นประชาชนผู้เสียภาษีคนไทยทุกคนคือประชาชนผู้เสียภาษี ตนเป็นกระบอกเสียงของประชาชนไม่ได้มีความต้องการที่จะพูดอะไรให้หน่วยงานของรัฐต้องมีความเสียหาย เพราะต้องบอกว่าหน่วยงานรัฐไม่ใช่ของท่านแต่เป็นของคนไทยทุกคนท่านมีหน้าที่เพียงแค่ จัดการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
ตนยืนยันว่าเราไม่ได้มีเจตนาไปพูดให้ใครเสียหาย เราติเพื่อก่อ เราพูดเพื่อให้มันดีขึ้นและสิ่งที่พูดไปมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาในอดีตไม่ใช่ปัจจุบัน ตนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นไม่รู้ว่าได้ไปแตะเทวดาหรือเปล่า ต้องบอกว่าตั้งแต่ตนทำเรื่องดังกล่าวมามีผู้ใหญ่หลายคนเข้ามาเตือนตนหลายครั้ง บ้างเค้าบอกว่าเราไม่รู้ว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างในเรื่องนี้ หลายๆ คนไม่ได้อยากให้ตนไปยุ่งในเรื่องนี้ แต่ในเมื่อมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนเราก็จะเป็นที่จะต้องช่วยตามที่เราสามารถทำได้หรือทำไหว
ประเทศไทยเป็นสังคมประชาธิปไตยไม่ใช่ระบบคอมมิวนิสต์ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของหน่วยงานรัฐได้ การทำแบบนี้ผมมองว่ามันเหมือนประเทศที่เป็นระบบคอมมิวนิสต์เลยประชาชนไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดวิพากย์วิจารณ์ พูดแล้วจะต้องถูกแจ้งความดำเนินคดีผมมองว่ามันไม่ถูกต้อง ยอมรับว่าตนก็เสียความรู้สึกอยู่บ้าง เราเป็นคนเสียภาษีเราย่อมมุ่งหวังว่าหน่วยงานภาครัฐ ที่เสียภาษีไปมันจะต้องถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับดีเอสไอเองตนก็ให้ความร่วมมือมาอย่างดีตลอดอยู่แล้ว ก่อนหน้าตนก็เพิ่งเป็นพยานในเรื่องคดีค้ามนุษย์มาให้ด้วย ต้องบอกว่าเราทำงานร่วมกันมาโดยตลอดอย่าให้ภาพบรรยากาศการทำงานร่วมกันต้องกลายเป็นการจับผิดกันไปเลย อีกอย่างในเรื่องนี้เองตนก็เห็นหลายๆ คนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของดีเอสไอไม่ใช่แค่ตน ดีเอสไอมีสิทธิ์ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ว่าอะไรถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ไม่ใช่เอาภาพของประชาชนมาไล่ฟ้องประชาชนซะเอง