- 12 ก.พ. 2568
"จ่าพิชิต"แห่งเพจ "Drama-addict"เผยข้อเท็จจริงดื่มชาเย็นเยอะๆ ทำให้สมาธิสั้นได้จริงไหม? ชี้เสี่ยงเป็นเบาหวานมากกว่า
วันที่ 10 ก.พ. เพจ “Drama-addict”ได้โพสต์อธิบายข้อมูลเพิ่มเติมหลังในโลกออนไลน์แห่แชร์ประเด็นเรื่องการกินชาเย็นที่ใช้สีผสมอาหารหากบริโภคเยอะ ๆ จะทำให้สมาธิสั้น
โดยระบุข้อความไว้ว่า “ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มีเพจด้านสุขภาพ และแชนเนล หรือ podcast สุขภาพหลายช่องพูดเตือนภัย เรื่องการกินชาเย็น เครื่องดื่มโคตรพ่อโคตรแม่ฮิตของคนไทย ว่ารู้หรือไม่ว่า ในชาเย็นเนี่ย มันมีการใส่สีผสมอาหาร sunset yellow ที่ต่างประเทศเขาไม่อนุญาตให้ใส่นะ และเตือนว่า ถ้ากินเยอะๆ ก็จะทำให้เป็นสมาธิสั้นได้ โดยอ้างว่ามีข้อมูลจาก ตปท ว่าเด็กที่กินชาที่ผสมสีผสมอาหารตัวนี้จะทำให้สมาธิสั้น
ซึ่งอันนี้พ่อแม่พี่น้องยังไม่ต้องแตกตื่น มาดูข้อเท็จจริงกันก่อน
1. สีผสมอาหารที่ว่าชื่อ sunset yellow ซึ่ง อย. อนุญาตให้ใส่ในอาหารได้ในชา จะอนุญาตให้ใส่ได้ ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อกิโล โดยอนุญาตให้ใส่ได้เฉพาะในชาผงแบบปรุงสำเร็จ ใส่ในใบชาแบบที่เป็นใบๆไม่ได้
2. บางประเทศมีการห้ามไม่ให้ใส่สีตัวนี้ในอาหารจริง เพราะช่วงปี 70 มีคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า การกินอาหารที่ใส่สีผสมอาหารตัวนี้ หรือสารกันบูดบางตัว อาจทำให้เด็กเสี่ยงเป็นสมาธิสั้นได้ แต่ยังไม่มีงานวิจัยที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกัน การศึกษาล่าสุดเป็นงานวิจัยปี 2007 บอกว่าต้องศึกษาเพิ่มเติม ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีความสัมพันธ์กับโรคสมาธิสั้นในเด็ก ดังนั้นในบางประเทศที่กังวล จึงห้ามไม่ให้ใส่สีผสมอาหารตัวนี้ไปก่อน แต่อีกหลายๆประเทศก็ให้ไส่
3. โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ปัจจุบันจัดให้สีตัวนี้มีความปลอดภัย ไม่มีสารก่อมะเร็ง หรือก่อโรคอื่นๆ
4. แต่อย่างไรก็ดี ไม่แนะนำให้เด็กอายุน้อยกว่า 6 ขวบ บริโภคอาหารที่ใส่สีตัวนี้ อีกทั้งชาไทยยังมีคาเฟอีนด้วย ไม่แนะนำให้เด็กเล็กกินเพราะมีผลกับการหลับนอนและการเจริญเติบโตได้ ดังนั้นถ้าเป็นเด็กเล็ก ก็อย่าเพิ่งกิน รอให้โตก่อน ส่วนผู้ใหญ่ก็กินไป
5. แต่อะไรก็ตามถ้ากินเยอะไปล้วนเป็นอันตรายได้ทั้งสิ้น แนะนำให้กินแต่พอดีเช่นกัน วันละ 1-2 แก้วก็เพียงพอแล้ว อย่ากินวันละเป็นแกลลอน แบบนั้นไม่ต้องกลัวสมาธิสั้นหรอก กลัวจะเป็นเบาหวานดีกว่า”