พยาบาลสาวยันไม่ยอม บอกที่พูดเพราะหวังดี รับไม่ได้คู่กรณีไม่มีท่าทีสำนึก

พยาบาลสาว ยืนยันไม่ยอม - ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด บอกที่พูดเตือนเพราะหวังดีกลัวเด็กติดโรค รับไม่ได้คนก่อเหตุไม่มีท่าทีสำนึก

จากที่ก่อนหน้านี้ ญาติคนไข้ที่ทำร้ายร่างกายพยาบาลที่ออกมาห้ามไม่ให้ญาติคนป่วยพาเด็กเล็กเข้าเยี่ยม เนื่องจาก คนป่วยติดไข้หวัดสายพันธุ์ A และไวรัสลงปอดทั้ง 2 ข้างแล้ว ซึ่งทางคนก่อเหตุยอมรับกับตำรวจว่า ทำจริง เพราะบันดาลโทสะ และถ้าทางคู่กรณีจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดก็ยินดีน้อมรับ

 

พยาบาลสาวยันไม่ยอม บอกที่พูดเพราะหวังดี รับไม่ได้คู่กรณีไม่มีท่าทีสำนึก

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พยาบาลคู่กรณีได้เล่าในมุมของตนว่า เหตุเกิดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ตนเข้าเวรบ่าย ซึ่งในเวลาประมาณ 18:00 น. เวรตนไม่ยุ่งมาก แต่เคสใหม่ค่อนข้างยุ่ง ตนจึงเข้าไปช่วยน้องพยาบาลเจ้าของเคส ทำการเจาะเลือดส่งตรวจ และเปลี่ยนชุดให้ผู้ป่วยหญิงมีอายุ ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 


แต่ลูกสาวคนไข้พาลูกวัยประมาณ 5-6 ขวบ จะเข้ามาเยี่ยม ทางน้องพยาบาลเจ้าของเคสบอกว่า แจ้งญาติไปแล้วว่าไม่ให้นำเด็กเข้ามา และก่อนหน้านั้นก็มีพยาบาลอาวุโสแจ้งไปแล้ว เท่ากับว่ามีการแจ้งไปแล้วถึง 2 ครั้ง หลังจากตนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนไข้เรียบร้อย ตนก็ได้ถอดชุดป้องกันเชื้อโรค ออกไปหาลูกสาวคนไข้ 

 

พร้อมบอกว่า "คนไข้อาการไม่ดี ติดเชื้อลงปอด เป็นขนาดนี้ญาติยังพาลูกมาอีกเหรอ ถ้าลูกติดเชื้อแล้วลงปอดไปด้วย ลูกอาการแย่ได้เลยนะ ญาติพร้อมจะสูญเสียทั้งสองไหม ถ้าติดแล้วอาการไม่ดี ถ้าไม่พร้อมจะสูญเสียใคร ก็ให้พาเด็กออกไป" ทางญาติก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ตนยอมรับว่าพูดเสียงดัง จริงจัง แต่ไม่รู้ว่าญาติจะมองว่าเป็นการตะคอกหรือไม่

 

จากนั้นตนก็ไปให้การพยาบาลผู้ป่วยรายอื่นต่อ สักพักก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาที่หน้าห้องผู้ป่วยรายดังกล่าว กำลังจะหยิบหน้ากาก N95 แต่พยาบาลเจ้าของเคสแจ้งว่า ญาติไม่สามารถเข้าห้องได้นะคะ แล้วชายคนนั้นก็เดินมาที่เคาน์เตอร์พยาบาล ถามว่าใครเป็นคนพูดกับลูกเมียของเขา ตนจึงเข้าไปห้าม ชายคนนั้นจึงเดินเข้ามาที่ตน ถามย้ำว่าใครพูด 

 

พยาบาลสาวยันไม่ยอม บอกที่พูดเพราะหวังดี รับไม่ได้คู่กรณีไม่มีท่าทีสำนึก

พอตนตอบว่า "หนูค่ะ" เขาก็ตบเข้ามาที่หน้าบริเวณกกหูถึง 2 ครั้ง ตนก็ตกใจ ยืนอึ้ง แล้วขาก็พูดว่า ถ้าพูดกับลูกเมียเขาดีก็ไม่โดนแบบนี้หรอก ก่อนจะเดินออกไป พยาบาลอาวุโสจึงบอกให้ใจเย็นๆ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทางชายผู้ก่อเหตุก็บอกว่าให้ไปคุยข้างนอก พยาบาลอาวุโสจึงแจ้งหัวหน้าพยาบาล และแจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มาที่เกิดเหตุ นำตัวเขาไป 


ส่วนตนก็ไปตรวจร่างกาย แล้วเดินทางเข้าแจ้งความให้ปากคำ ส่วนอีกฝ่ายบอกกับหัวหน้าตึกว่า ยอมรับว่า พลาดที่ทำในสถานที่ราชการ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ส่วนภรรยาผู้ก่อเหตุก็บอกว่าตนไปพูดไม่ดีกับเขา ยืนยันว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุด และนำหลักฐานเป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดส่งให้ตำรวจแล้ว ซึ่งจับภาพเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน ยืนยันว่าข่าวที่ผู้บริหารให้ยอมความนั้นไม่จริง 

พยาบาลสาวยันไม่ยอม บอกที่พูดเพราะหวังดี รับไม่ได้คู่กรณีไม่มีท่าทีสำนึก


รวมทั้งยังมีการช่วยเหลือให้เอาผิดอีกด้วย ยืนยันว่าจะเอาผิด เนื่องจากพบว่า อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีที่รู้สึกผิดหรืออยากขอโทษเลย สีหน้าท่าทางตอนไปโรงพักยังเหมือนกับตอนที่ก่อเหตุ ยอมรับว่ารู้สึกกลัว ไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ ย้ำว่าสื่งที่พูดกับญาติคนไข้ไปนั้น พูดด้วยเจตนาดี ผู้ใหญ่ยังอาการหนักได้ขนาดนี้ แล้วเด็กที่ยังภูมิต้านทานน้อยจะเป็นอย่างไร

 

"สิ่งที่พูดตรงกันคือ หนูพูดว่าคุณอาจจะสูญเสียทั้งสองคนไปเลยก็ได้นะ เจตนาคือหวังดี ไม่ต้องการให้เด็กน้อยมาติด ที่ต้องการจะสื่อคือผู้ป่วยอายุ 50 กว่า ยังแย่ขนาดนี้แล้วเด็กตัวน้อยๆ ติดไปมันแย่...ถึงตอนนี้หนูไม่ยอมอะไรแล้วค่ะ หนูเจตนาดีมากๆ หนูกลัวเด็กเป็น แล้วเขามาทำแบบนี้ ตอนไปสถานีตำรวจเขาไม่มีท่าทีขอโทษหรือสำนึกผิดผิดเลย ท่าทีที่เจอเหมือนตอนจะมาตบหนูเป๊ะๆ เลยค่ะ"

 


อย่างไรก็ตาม ญาติของพยาบาลที่ถูกทำร้ายเผยว่า จากคลิปจะเห็นว่าพยาบาลถูกทำร้ายรุนแรงจนเซ ญาติคนอื่นเห็น คนไข้ที่นอนใส่ท่อเห็น ส่วนพยาบาลหลังถูกทำร้ายก็ยังมีอาการปวดกกหู เวียนหัวไม่หาย รวมถึงปวดที่ต้นคอด้วย ยืนยันว่าจะเอาเรื่องผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด หากโรงพยาบาลพร้อม พวกตนก็พร้อม กลัวเรื่องจะเงียบ และกลัวว่าน้องจะถูกรังแกอีก

 

พยาบาลสาวยันไม่ยอม บอกที่พูดเพราะหวังดี รับไม่ได้คู่กรณีไม่มีท่าทีสำนึก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat