"หมอเจด" อธิบาย 6 ข้อ หลังแม่โพสต์โวยพยาบาล ปมรักษาลูกชายไส้ติ่งแตก

เมนต์เดือด แม่โพสต์อยากตบพยาบาล ลูกชายไส้ติ่งแตก ไม่เย็บแผล - "หมอเจด" อธิบายให้ฟังชัดๆ 6 ข้อ ล่าสุดแม่โดนทัวร์ลงจนลบโพสต์

กำลังเป็นที่สนใจในโลกออนไลน์อย่างมาก หลังจากที่โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งกลายเป็นประเด็นร้อน หลังจากที่เธอระบายความรู้สึกเกี่ยวกับการรักษาลูกชายที่ผ่าตัดไส้ติ่งที่โรงพยาบาลชื่อดัง ซึ่งหญิงรายนี้ไม่พอใจการงดน้ำงดอาหารและการไม่เย็บแผลให้ลูก จนกระทั่งตัดสินใจพาลูกกลับมารักษาต่อที่บ้าน 

 

\"หมอเจด\" อธิบาย 6 ข้อ หลังแม่โพสต์โวยพยาบาล ปมรักษาลูกชายไส้ติ่งแตก

ทว่าโพสต์นี้ได้ถูกลบออกไปจากเฟซบุ๊กของผู้หญิงรายนี้ หลังจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมที่วิจารณ์ถึงความไม่เข้าใจกระบวนการรักษา และคำพูดที่ขู่ทำร้ายพยาบาล การแสดงความไม่เข้าใจในกระบวนการรักษาและการไม่ให้เกียรติบุคลากรทางการแพทย์ ถือเป็นสิ่งที่สังคมควรตระหนักถึง เพื่อรักษาความเคารพและความเข้าใจในกระบวนการรักษาร่วมกัน

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ในเพจเฟซบุ๊ก "หมอเจด" หรือ นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา ได้โพสต์ข้อความอธิบายความรู้เกี่ยวกับการรักษา "ไส้ติ่งแตก" ว่า "…ทำไมไส้ติ่งแตก ถึงเย็บแผลไม่ได้ ดังนี้


1. ในการผ่าตัดเกี่ยวกับช่องท้องและการผ่าตัดทางศัลยกรรม เราจะแบ่งแผลผ่าตัดออกเป็นทั้งหมด 4 อย่างด้วยกัน ซึ่งการแบ่งแผลออกเป็น 4 อย่างเพื่อให้หมอที่ผ่าตัดเตรียมการเรื่องของการติดเชื้อรวมไปถึงการให้ยาฆ่าเชื้อหลังผ่าตัดและก่อนผ่าตัดได้อย่างดี อันแรกเลย ก็คือ แผลแบบ Clean Wound ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือแผลแบบนี้ บางครั้งให้ยาฆ่าเชื้อก่อนผ่าตัดแค่หนึ่งเข็มเท่านั้นและหลังผ่าตัดอาจจะไม่ต้องให้เลย เช่นผ่าตัดไส้เลื่อน ผ่าตัดไทรอยด์ หรือเป็นการผ่าตัดแบบใส่อุปกรณ์เทียม เช่นเปลี่ยนข้อสะโพก เปลี่ยนข้อเข่า หรือเสริมจมูกเสริมนม


ส่วนอันที่ 2 และ 3 ก็จะเป็นการผ่าตัดในช่องท้อง เช่น ตัดมดลูกหรือตัดตับถุงน้ำดี ก็จะเป็นแบบที่เรียกว่าชนิดที่ 2 ซึ่งไม่มีการติดเชื้อมากเท่าไร แล้วถ้าเป็นแบบ 3 ก็คือเป็นการผ่าตัดที่เรียกว่าเกี่ยวข้องกับทางเดินอาหาร เช่นผ่าตัดลำไส้ใหญ่ ผ่าตัดกระเพาะอาหาร แต่เป็นการผ่าตัดแบบนัดมาผ่าตัดไม่ใช่การผ่าตัดแบบฉุกเฉิน ซึ่งทั้งแบบ 2 และแบบ 3 ก็มีความเสี่ยงมากกว่าแบบ 1 ครับ

\"หมอเจด\" อธิบาย 6 ข้อ หลังแม่โพสต์โวยพยาบาล ปมรักษาลูกชายไส้ติ่งแตก

2. คราวนี้ไส้ติ่งแตกถือว่าเป็นแบบที่เรียกว่า แผลสกปรกเลย Dirty wound ซึ่งจริง ๆ แล้วนอกจากไส้ติ่งแตกก็ยังมี ไส้แตกจากการโดนยิงหรือการโดนแทงแล้ว มีขี้ออกมาเต็มท้อง หรือบางคนก็เป็นกระเพาะอาหารทะลุแล้วมีเศษอาหารออกมาเต็มท้อง พวกนี้ความเสี่ยงในการติดเชื้อ ทั้งในช่องท้องและบริเวณแผลผ่าตัดสูงมาก การให้ยาฆ่าเชื้อหลังการผ่าตัด มักจะใช้เวลาประมาณเจ็ดถึง 14 วัน ในกรณีที่ไม่มีปัญหาแต่ถ้ามีปัญหาก็อาจจะนานกว่านั้นได้


3. คราวนี้เรื่องของไส้ติ่งแตกทำไมไม่เย็บแผล เหตุผลเพราะว่า ข้อที่หนึ่ง เป็นการเปิดให้หนองหรือสิ่งสกปรกที่อยู่ในช่องท้องได้ระบายออกมา ซึ่งอันนี้ถือว่าจำเป็นไม่ว่าจะเป็นการใส่สายระบาย หรือให้ออกมาทางบาดแผลที่ไม่ได้เย็บ ข้อที่สอง ถ้าเราเย็บแผลก็จะทำให้หนองหรือสิ่งสกปรกออกมาสู่ภายนอกไม่ได้ก็จะตามมาด้วยการเป็นเป็นฝีบริเวณที่เราทำการผ่าตัดและติดเชื้อรุนแรง

 

ข้อที่สาม ฝีหรือหนอง มันต้องหาทางไปให้ได้ถ้าออกมาข้างนอกไม่ได้ก็จะไหลลงไปในช่องท้องซึ่งตามด้วยเรื่องของการที่เป็นเยื่อเบื่ช่องท้องติดติดเชื้ออีกหนึ่งครั้งแล้วต้องรักษาด้วยการผ่าตัดใหม่ ข้อที่สี่ แบคทีเรียที่บริเวณไส้ติ่งแตกเป็นแบคทีเรียชนิดแบบไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งการที่เราเปิดให้มีอากาศโดนบริเวณแผลผ่าตัดจะทำให้แบคทีเรียกลุ่มนี้เสียชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นผลดีมากๆ

\"หมอเจด\" อธิบาย 6 ข้อ หลังแม่โพสต์โวยพยาบาล ปมรักษาลูกชายไส้ติ่งแตก

4. ไม่ได้แปลว่าไม่ได้เย็บแผลหลังผ่าตัดจะแปลว่าเราไม่ต้องเย็บแผลอีกเลยในอนาคต ซึ่งการที่เราทำแบบนี้เรียกว่า Delay Primary Suture หรือการชะลอการเย็บแผลผ่าตัด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไข้และให้เกิดอันตรายกับเขาให้น้อยที่สุดอีกหนึ่งครั้ง โดยปกติแล้วเรามักจะเย็บแผลหลังจากการผ่าตัดประมาณ 3-7 วันถ้าไม่เกิดปัญหาอะไร

 

5. ส่วนเรื่องการให้กินช้ากินเร็ว สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกกับทุกคนก็คือว่าไส้ติ่งมันคืออวัยวะที่ยื่นออกมาจากตรงบริเวณผนังลำไส้ ซึ่งการที่ไส้ติ่งแตกไม่ได้แปลว่ามันจะแตกตรงปลายเสมอไป มันอาจจะมีการแตกบริเวณโคนของไส้ติ่งซึ่งติดกับผนังลำไส้ ซึ่งกรณีนี้ในการผ่าตัดบางครั้งอาจจะต้องตัดลำไส้บางส่วนออกไปแล้วทำการเย็บแผล ซึ่งถ้าต้องตัดลำไส้ออกไปแล้วแล้วเย็บแผลอาจจะต้องงดน้ำงดอาหารนานมากกว่าปกติ บางคนอาจงด 5-7 วัน เพราะกังวลว่าถ้าคนไข้รีบรับประทานอาจจะทำให้เกิดเรื่องของลำไส้รั่วได้ ซึ่งอันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เจอได้ปกติและเป็นความปลอดภัยของคนไข้

 


6. อยากฝากบอกกับคุณแม่และทุกๆ คนด้วยครับ อย่าไปอยากตบนางพยาบาลเลย เพราะจริง ๆ แล้วคุณพยาบาลทุกคนทำงานตามคำสั่งของคุณหมอผ่าตัดครับ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าให้ไปตบคุณหมอนะครับ อยากให้ใจเย็น ๆ และอยากให้ฟังด้วยเหตุผล คิดว่าคงไม่มีใครอยากจะแกล้งคนไข้หรือทำร้ายคนไข้ให้หิวหรอกครับ ส่วนใหญ่แล้วเราเองก็อยากจะให้คนไข้รีบกลับบ้าน แบบปลอดภัยแล้วก็ครบ 32 ครับ

 


ภาพ - ข้อมูลจาก หมอเจด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat