ท้องร้อง มีวิธีแก้ยังไงได้บ้าง หากไม่ได้กินข้าว

“วิธีแก้ท้องร้อง” หรือ อาการท้องร้อง เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่ได้กินอาหารเป็นเวลานาน เสียงที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการบีบตัวของลำไส้เล็กเพื่อเคลื่อนย้ายอาหารและอากาศ แต่หากอาการท้องร้องเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือดังมาก อาจสร้างความรำคาญหรือบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพบางอย่างได้

ท้องร้อง มีวิธีแก้ยังไงได้บ้าง หากไม่ได้กินข้าว

ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงสาเหตุของอาการท้องร้อง และวิธีแก้ปัญหาเมื่อท้องร้องขณะไม่ได้กินข้าว เพื่อให้คุณสามารถจัดการกับอาการนี้ได้อย่างเหมาะสม

 

อาการท้องร้องโครกคราก เกิดจากการทำงานของระบบย่อยอาหารและลำไส้ ซึ่งมีสาเหตุที่พบบ่อยดังนี้

 

1. ความหิว เมื่อไม่มีอาหารในกระเพาะ ลำไส้จะเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมรับอาหารใหม่ และส่งเสียงออกมา
2. การย่อยอาหาร หากกินอาหารมื้อหนักก่อนนอน กระเพาะและลำไส้ยังคงทำงาน ยิ่งมีแก๊สหรืออากาศในลำไส้มาก ก็ยิ่งทำให้เกิดเสียง
3. ระบบย่อยอาหาร ในช่วงเวลาที่ไม่มีอาหาร ระบบย่อยอาหาร จะทำความสะอาดลำไส้ ส่งผลให้เกิดเสียงโครกคราก
4. พฤติกรรมการกินที่ไม่สมดุล การกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง หรืออาหารที่กระตุ้นระบบย่อย เช่น น้ำตาล หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
5. ความเครียดหรือการนอนผิดเวลา ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ อาจกระตุ้นให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ
6. ภาวะลำไส้แปรปรวน หากมีอาการอื่นร่วม เช่น ท้องอืดหรือปวดท้อง อาจเป็นสัญญาณของโรคในระบบทางเดินอาหาร
7. หากอาการท้องร้องเกิดบ่อยและรบกวนการนอน ควรปรับพฤติกรรมการกิน และหากยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม

 

ท้องร้อง มีวิธีแก้ยังไงได้บ้าง หากไม่ได้กินข้าว

 

วิธีแก้ปัญหาเมื่อท้องร้องขณะไม่ได้กินข้าว

• ดื่มน้ำเปล่า: การดื่มน้ำเปล่าจะช่วยเติมเต็มกระเพาะอาหารและลดเสียงท้องร้องได้
• กินอาหารว่างเบาๆ: หากมีอาหารว่างเบาๆ เช่น ผลไม้หรือถั่ว ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องร้องได้
• เคี้ยวหมากฝรั่ง: การเคี้ยวหมากฝรั่งจะช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ซึ่งจะช่วยลดอาการท้องร้องได้
• หายใจลึกๆ: การหายใจลึกๆ จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อในช่องท้องและลดเสียงท้องร้องได้
• จัดการความเครียด: เมื่อเกิดความเครียด จะส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องร้องได้ง่ายขึ้น ควรหากิจกรรมทำเพื่อลดความเครียด
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแก๊ส: น้ำอัดลมหรือเบียร์ จะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารมากขึ้น
• ปรับพฤติกรรมการกิน: ควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลา และเคี้ยวอาหารให้ละเอียด

 

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์

• ท้องร้องบ่อยและดังมาก
• มีอาการปวดท้องร่วมด้วย
• มีอาการท้องเสียหรือท้องผูกร่วมด้วย
• มีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วย
• มีน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : hdmall