"บอ.บู๋" มาอีกรอบ ซัด เหตุผลที่"ราเยวัช"สมควรถูกปลดจากตำแหน่ง เป็นแค่โค้ชที่เคยเก่ง ถ้ายังเก่งอยู่คงไม่หลุดมาถึงเราหรอก!

การแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2018 รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่ผ่านมา "ช้างศึก" ทีมชาติไทย เปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน รับการมาเยือนของ "เสือเหลือง"มาเลเซีย โดยผลการแข่งขันที่จบลงไปทีมชาติมาเลเซีย สามารถบุกมายันเสมอกับทีมชาติไทย 2-2 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2018 รอบรองฯ ทำให้รวมผลสองนัด "ทัพนักเตะเสือเหลือง" สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ด้วยกฏประตูทีมเยือนนั้น

 

 

งานนี้ล่าสุด บอ.บู๋ ได้ออกมาโพสต์ข้อความอีกครั้ง โดยมีเนื้อหาว่า 

 

เหตุผลที่ มิโลวาน ราเยวัช สมควรถูกปลดจากตำแหน่งโค้ชทีมชาติไทย

1. พี่แกไม่ได้ช่วยให้ทีมชาติไทย 'ก้าวข้าม' ระดับอาเซี่ยนอย่างแน่นอน พุทโธ่...ก้าวข้ามยังไงดันไปไม่ถึงรอบชิงฯ แถมถูกทีมที่คุณภาพผู้เล่นต่ำกว่าถีบตกรอบอีกต่างหาก

2. ถ้าคำว่า 'ก้าวข้าม' ระดับอาเซี่ยน ตีความอีกอย่างได้ว่า 'ยกระดับ' ของทีมชาติให้สูงขึ้น แต่แท๊คติกที่กุนซือผู้นี้นำมาติดตั้งคือการเล่นเกมรับ แล้วโต้กลับด้วยการโยนยาว แถมเล่นแบบนี้กับทีมที่คุณภาพผู้เล่นต่ำกว่า

เข้...นี่มันบอลยุคโบราณชัดๆ ก้าวข้ามเหี้ยอะไรล่ะครับ

3. กลยุทธ์ที่เน้นผลการแข่งขันเยี่ยงนี้ คือเพื่อเอาตัวรอดไปเป็นนัดๆ อย่างชัดเจนเลยนะครับ หมายความว่าไม่ได้เข้ามาเพื่อวางรากฐาน วางโครงสร้าง แถมยังกระทืบวิธีการเล่นอันเป็นระบบที่โค้ชคนเก่าอุตส่าห์ปลูกฝังไว้จนย่อยยับอีก

สรุปว่าพี่แกก็เป็นแค่โค้ชรับจ้างที่มาทำงานแบบเอาตัวรอดจากการโดนไล่ไปเรื่อยๆ ด้วยการเล่นแบบเน้นผลแล้วรับเงินเดือนแพงๆ จากสมาคมฯ

4. รูปแบบการเล่นน่าเบื่อ ดูแล้วอึดอัด ไม่เหมาะกับธรรมชาติของนักเตะไทย แล้วคิดดูนะครับว่าถ้าไม่ใช่เกมที่มีความหมายอะไร เกมอุ่นเครื่องธรามดา รับรองคนดูที่สนามหายเกลี้ยงอย่างแน่นอน

5. ผู้เล่นที่น่าจะติดทีมชาติหลายคนถูกโค้ชคนนี้หมางเมิน แล้วกรุณาอย่าเอาไปเทียบกับ มูรินโญ่ เลยนะครับ เพราะเกมล่าสุดขนาดเจอ อาร์เซน่อล ยังกล้าเปิดเกมรุกใส่ ไม่ได้ปอดแหกแบบโค้ชไทย แล้วอ้างว่าเพื่อเตรียมไว้ในศึกเอเชี่ยน คัพ

สรุปสั้นๆ ง่ายๆ เลยว่าลุงเรวัชและตอนนี้ไม่ใช่โค้ชที่เก่ง และเป็นแค่โค้ชที่เคยเก่ง เพราะถ้ายังเก่งคงไม่หลุดมาถึงเราหรอก
...

 

 

 

โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความเอาไว้ว่า

 

ขออนุญาตบังอาจวิจารณ์ มิโลวาน ราเยวัช หน่อยนะครับ

1. สถานการณ์จากนัดแรกที่เสมอ 0-0 บังคับให้เราต้องชนะในบ้านเท่านั้น ต่อให้สไตล์การเล่นในตอนนี้คือเน้นเกมรับก็ควรจะเปิดเกมรุกใส่ เพราะผู้เล่นไทยมีศักยภาพเพียงพอ แถมเล่นในบ้าน ย้ำว่าเล่นในบ้าน

แต่เปิดเกมมากลับเป็น มาเลย์เซีย ที่พยายามต่อบอลพลางบุกใส่เรา ประหนึ่งเกมแรกมึงแพ้คาถิ่นซะอย่างนั้น

2. เข้าใจว่ามันน่าจะเป็นกลยุทธ์อันล้ำลึกและแยบยลของโค้ชทีมชาติไทยที่หลอกให้คู่แข่งมาเข้าทาง เรียกว่าการ 'ล่อเสือเหลืองออกจากถ้ำ' ด้วยการเน้นเกมรับให้แน่น แล้วหาจังหวะโต้กลับด้วยการสาดบอลยาวไปวัดดวงเอาข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม เรามีทีเด็ดจากการเปิดบอลเข้าเขตโทษที่กดดันคู่แข่งได้ รวมถึงการใช้ลูกตั้งเตะให้เป็นประโยชน์ ว่าแล้วก็ชิงจังหวะขึ้นนำก่อนจากการเล่นลักษณะนี้

3. หลังขึ้นนำ 1-0 ทุกอย่างมันน่าจะเข้าทางนะครับ ทว่ากลับถูกตีเสมอจากลูกยิงแบบ 'ผีจับยัด'

โอเคย์...เข้าใจว่สมันเป็นลูกผีจับยัด แต่ถามว่าโทษกองหลังได้หรือเปล่า?

ขอตอบว่า 'ได้' นะครับ เพราะจังหวะนั้นมัวแต่ถอยกันหมด ไม่มีใครเข้าไปบีบหรือเข้าไปชิดให้เสียจังหวะเลย

แม้จะขึ้นนำได้สำเร็จอีกครั้ง (จากลูกตั้งเตะอันเป็นทีเด็ด) เราก็มาถูกตีเสมอง่ายๆ อีกครั้งจนนึกถึงเกมแรกที่ผมมองว่าไอ้ที่ไม่เสียประตู ไม่ใช่เพราะเราเล่นเกมรับได้เหนียวแน่น แต่เพราะคู่แข่งมันยิงไม่ดีเองต่างหาก

4. แล้วดูรูปเกมของทีมชาติไทยนะครับ

ตอนเสมอกันอยู่ 1-1 ก็ยังเป็น มาเลย์เซีย ที่คอนโทรลเกมได้มากกว่า ทั้งที่สถานการณ์นั้น เราต้องครองบอลทำเกมรุกและบุกกระหน่ำ แต่การต่อบอลถือว่าแย่มาก ไม่กี่จังหวะก็ถูกตัด แถมเน้นแต่บอลยาวแบบวัดดวงเนี่ยนะ 

แล้วถามหน่อยว่ามีใครมองเห็นอะไรที่เรียกว่า 'ทีมเวิร์ค' จากทีมชาติไทยบ้าง ???