- 11 ม.ค. 2562
ถอดรหัส ช้างศึก ระเบิดฟอร์ม คว้าชัย เอเชียนคัพ 2019 ชี้ชะตาเข้ารอบนัดสุดท้าย
เมื่อ วันที่ 10 มกราคม 2562 เวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ณ สนาม อัล มัคตูม สเตเดียม การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2019 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ นัดที่สอง ทีมชาติไทย พบกับ บาห์เรน โดย ช้างศึก นัดเเรกประเดิมสนามพ่าย อินเดีย 1-4 เเละที่สำคัญนัดนี้ทาง ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ประเดิมการคุมช้างศึกชุดใหญ่ เเทนที่ของ มิโลวาน ราเยวัช ที่เพิ่งโดนปลดจากตำเเหน่ง ด้านฝั่ง บาห์เรน เกมแรก บาห์เรน เสมอ ยูเออี เจ้าภาพ 1-1
โดยเกมนี้ มิโรสลาฟ ยูคุฟ ของบาห์เรน ส่ง สะอัด อัลโรไฮมี ที่ยิงในเกมที่แล้วกับยูเออี พร้อมด้วยกัปตันทีมอย่าง อับดุลวาฮับ อาลี อัลซาฟี ด้าน ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย มีการเปลี่ยนระบบการเล่นไปใช้ 3-5-2 พร้อมให้ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เฝ้าเสา แนวรับ มี พรรษา เหมวิบูลย์, สุพรรณ ทองสงค์, อดิศร พรหมรักษ์ แดนกลาง มี ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ส่วน วิงแบ็คเป็น ธีราทร บุญมาทัน และ ทริสตอง โด ส่วนกองหน้าเป็น ธีรศิลป์ แดงดา และ อดิศักดิ์ ไกรษร
ประตูเดียวในเกมนี้ เกิดขึ้นช่วงครึ่งหลัง นาที 59 ไทยมาได้ประตูขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่ ทริสตอง โด เติมขึ้นทางขวาก่อนจ่ายให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กดด้วยซ้ายแสกหน้าผู้รักษาประตูเข้าไปให้ ช้างศึกนำก่อน 1-0 เเละหมด90นาที ไปด้วยสกอร์นี้ ช้างศึก ประเดิมโค้ชคนใหม่ ด้วย 3 เเต้มอันล้ำค่า ที่สำคัญถือ เป็นชัยชนะเหนือบาห์เรนในรอบ 39 ปี และเป็นชัยชนะนัดแรกในเอเชียนคัพ 47 ปี เเละยังรับอัดฉีด 5 ล้านบาท จากการยิงได้ 1ประตู
อันดับตารางคะเเนน กลุ่มเอ หลังผ่านไป2 นัด ช้างศึก ยังคงมีลุ้นเข้ารอบ!!
จากชัยชนะอันสุดประทับใจ ได้ใจคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งนับเป็นการระเบิดฟอร์มอันสุดยอดของ ช้างศึก ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ลบฝันร้ายจากนัดประเดิมสนาม ที่พ่าย อินเดีย เเบบหมดรูป เรียกศรัทธาเเฟนบอลไทยกลับมา โดยนั้บตั้งเเต่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แต่งตั้ง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ คุมกองกำลัง “ช้างศึก” ทำภารกิจคืนความสุขให้แฟนบอลไทยในศึกฟุตบอลเอเชียน คัพ 2019 อย่างทันท่วงที
“โค้ชโต่ย” มีเวลาเพียง 3 วันเท่านั้นที่จะเรียกขวัญกำลังใจและปลุกแข้ง “ช้างศึก” ลุกกลับมาคึกคักอีกครั้ง การแก้สมการแรกของ ทำอย่างไรให้ทีม “ช้างศึก” เก็บแต้มจาก บาห์เรน ให้ได้ ซึ่ง “โค้ชโต่ย” สวมบทเชฟลูกหนัง นำวัตถุดิบที่ มิโลวาน ราเยวัช ทิ้งเอาไว้ ปรุงแต่งรสชาติทีม “ช้างศึก” ได้อย่างลงตัว (การตั้งโซนรับ ลูกเซตพีซ ลูกครอสจากด้านข้างฯลฯ) ผสมกับลูกฮึดสไตล์วิ่งสู้ฟัด ดุดัน ไม่มีหมด ขวัญเเละกำลังใจกลับมา ทุกคนกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกคนวิ่งเต็มที่ช่วยเหลือกัน จนมาได้ประตูชัยในคว้า3 เเต้มอันล้ำค่าสุดๆ
.
ที่สำคัญ จากอาถรรพ์ที่ไม่เคยบุกไปเอาชนะทีมในตะวันออกกลางถึงถิ่น ในฟุตบอลเอเชียนคัพถูกทำลายสิ้นเสียที (เป็นการเอาชนะบาห์เรนในรอบ 39ปี เเละคว้าชัยในเอเชียนคัพ นัดเเรก รอบ 47 ปี) แถมทำคลีนชีต ไม่เสียประตูได้อีกด้วย
ส่วน ชนาธิป สรงกระสินธ์ ห้องเครื่องคนสำคัญ ได้กลับมาเล่นแบบที่ตัวเองถนัด เหมือนตอนระเบิดฟอร์มให้ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร่ ในเจลีกญี่ปุ่น จนกลายเป็นฮีโร่ซัดประตูชัยให้ทีมได้สำเร็จ ด้าน ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน งัดเอาประสบการณ์อันเหลือล้น มาช่วยแนวรับ “ช้างศึก” ให้แกร่งทันตาเห็น ขณะที่ ทริสตอง โด คือจิ๊กซอว์ทางฝั่งขวาที่ทีมชาติไทยตามหามานาน วิ่งขึ้นลงไม่มีหมด ทั้งรุกเเละรับ ตลอด90นาที เป็นคนวิ่งเติมขึ้นไปเปิดให้ ชนาธิป ซัดชัย ทุ่มเทเพื่อชาติเกินร้อย
รวมไปถึง ระบบการเล่นง่ายๆ แต่สามารถดึงศักยภาพนักเตะออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม สุดท้ายต้องยกเครดิตให้ “โค้ชโต่ย” ที่วางหมากแก้เกมได้อย่างน่าชื่นชม ได้ใจนักเตะ นักเตะร่วมใจเป็นหนึ่ง ทีมสปิริตกลั[มาเเล้ว แม้งานยากแค่ไหนก็ไม่หวั่น โดย เกมต่อไปกับ ยูเออี ทีม “ช้างศึก” ไม่มีอะไรจะเสียต้องเดินหน้าลุยลูกเดียว หากเก็บได้อย่างน้อย 1 คะแนน โอกาสทะลุเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายตามเป้าจะเปิดกว้างขึ้นทันที