ประท้วงสนั่น นักแม่นปืนอิหร่านสมาชิกก่อการร้าย ได้เหรียญทองโอลิมปิก

เดินทางใกล้สู่การกล่าวอำลาแล้วสำหรับมหรรมการแข่งโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 32 โตเกียวเกมส์ 2020 ซึ่งการแข่งขันที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะราบรื่นดีไม่มีปัญหาอะไร ทว่าดราม่ากลับมาโผล่เมื่อนักแม่นปืนประเทศอิหร่านได้เหรียญทอง

 

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่าที่ดราม่านี้เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจาก จาวัด โฟรูกี (Javad Foroughi) นักฬายิงปืนชาวอิหร่าน คว้าเหรียญทอง ประเภทปืนสั้นอัดลม 10 เมตร ส่งผลให้เกิดการวิจารณ์ไม่พอใจอย่างมากมาย เนื่องจากมีข้อมูลชี้ว่า เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มผู้ก่อการร้าย 

โดย จิน จอง โอ นักกีฬายิงปืนชาวเกาหลีใต้ ที่ได้ร่วมทำการแข่งขันในโอลิมปิกในครั้งนี้ ได้แสดงความคิดเห็นคัดค้านต่อทางคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee หรือ IOC) ที่อนุญาตให้ จาวัด โฟรูกี เข้าร่วมแข่งขันและได้รางวัล 

นักแม่นปืนเกาหลีใต้ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อในประเทศเกาหลีใต้ว่า"ผู้ก่อการร้ายสามารถชนะอันดับหนึ่งในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้อย่างไร? นั่นคือสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลและงี่เง่าที่สุด" 

ทั้งๆ ที่เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มก่อการร้ายกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (Islamic Revolutionary Guard Corps หรือ IRGC) 

 

ขณะเดียวกัน United for Navid องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในอิหร่าน ได้ออกแถลงการณ์ประณามเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งเตือนให้ทางคณะกรรมการโอลิมปิกสากลเร่งดำเนินการโดยด่วน มิเช่นนั้นจะถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งเสริมการก่อการร้ายและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

"เราถือว่าการมอบเหรียญทองโอลิมปิกให้กับจาวัด โฟรูกี ไม่เพียงจะเป็นหายนะสำหรับกีฬาอิหร่านเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงนานาชาติด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่อเสียงของทางคณะกรรมการโอลิมปิกสากลเอง" United for Navid อธิบาย

ตามแถลงการณ์ระบุว่า โฟรูกี วัย 41 ปี เป็นสมาชิกองค์กรก่อการร้ายมานานและจนถึงปัจจุบัน จึงขอเรียกร้องให้ทางคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ดำเนินการสอบสวนโดยทันที และจนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น ขอให้ระงับการให้เหรียญรางวัลทั้งหมด

 

นอกจากนี้ ตามแถลงการณ์ยังได้บอกอีกว่า กลุ่มกองกำลัง IRGC มีประวัติความรุนแรงอย่างมาก ไม่เพียงแค่ชาวอิหร่านและผู้ประท้วงเท่านั้นที่ถูกพรากชีวิตไป แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มผู้บริสุทธิ์ในซีเรีย อิรัก และเลบานอนด้วย ซึ่งถูกทางสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีว่าเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศตั้งแต่ปี 2562

ข้อมูลจาก theguardian, koreatimes