- 04 ส.ค. 2564
แม่กัปตัน อิสรานุอุดม นักแม่นปืนไทยแฉแหลก สมาคมฯ ไม่ช่วยสนับสนุน ต้องขายบ้าน - รถ ลงทุนเองกว่า 1.7 ล้าน เพื่อสานฝันลูกชาย
แม้จะไม่สมหวังกับกีฬายิงปืนที่ได้ อิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์ นักแม่นปืนหนุ่มไทย วัย 17 ปี ที่ได้ลงแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 โตเกียวเกมส์ 2020 ประเทศญี่ปุ่น เป็นคนสุดท้ายในประเภท rapid fire pistol 25 เมตรชาย ทว่า กัปตัน อิสรานุอุดม ก็ทำคะแนนได้ดีที่สุดเพียง 570-13X ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้ ตกรอบไปเมื่อวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ล่าสุด น้องกัปตัน อิสรานุอุดม ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงการแข่งขันในครั้งนี้ว่า พึงพอใจในผลงานครั้งนี้ ซึ่งวันแรก ตนยิงได้ตามเกณฑ์ของตัวเองที่ได้ตั้งเป้าไว้ แต่วันที่ 2 ยิงไม่ดีเท่าวันแรก เนื่องจากเปลี่ยนช่องยิง อีกทั้งช่องยิงนี้เป็นพื้นลาดยางสูงต่ำต่างกัน อาจจะยืนลำบาก พร้อมกับความไม่คุ้นกับสภาพสนาม
น้องกัปตัน นักแม่นปืนตัวแทนประเทศไทยอธิบายต่อไปว่า กว่าจะได้มาแข่งขัน ตัวเองก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ในขณะที่ด้านผู้ใหญ่เองเคยมีความพยายามที่จะขอเปลี่ยนตัวนักกีฬาของตนด้วย แต่ทางตนไม่ยอม เพราะตนใช้งบประมาณของตัวเองในการแข่งขัน ส่วนประเทศอื่นนั้นใช้งบของสมาคม
นักแม่นปืนหนุ่มไทย วัย 17 ปี ยังได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ถ้ามีการเปลี่ยนตัวก็อาจทำได้ไม่มีปัญหา แต่ถึงอย่างไร ถ้าจะมีการประลองเพื่อโควตา ตนมั่นใจว่าจะชนะได้อยู่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตนเป็นห่วงคุณแม่ที่ต้องไปชนกับปัญหานี้แทนตน เพราะคุณแม่ปล่อยให้ตนมีหน้าที่ซ้อมและมุ่งมั่นกับการแข่งขันเพียงอย่างเดียว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ดูท่าว่าจะเกิดกลิ่นดราม่าคละคลุ้ง เนื่องจาก นางพรพักตร์ ภูริหิรัญพัชร์ แม่และผู้ฝึกสอนน้องกัปตัน ได้เปิดใจถึงการแข่งขันและเรื่องราวของลูกชายว่า ตั้งแต่กัปตันได้โควตามาก็ไม่เคยได้รับการสนับสนุนอะไรเลยจากสมาคม ต้องจ่ายเงินเป็นล้านเพื่อกระสุนซ้อม แถมจะโดนเปลี่ยนตัวคนลงแข่งอีก
แต่ครอบครัวก็สู้เต็มที่เพื่อให้ลูกชายเดินตามความฝันไปแข่งโอลิมปิกให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมาต้องจ่ายค่ากระสุนซ้อมนัดละ 10 บาท วันละ 3,000 บาท ยอดรวมก็ประมาณ 1.7 ล้านบาท เคยสอบถามไปยังการกีฬาแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า ส่งกระสุนให้สมาคมยิงปืนแล้ว เราจึงไปเรียกร้องกับสมาคมยิงปืน แต่เขาไม่ให้
ขณะเดียวกันก็ได้ข้อมูลอีกว่า นักกีฬาคนอื่นก็ไม่ได้ และเพิ่งมาได้กระสุนวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งตรงนี้ทางเราก็ไม่ได้เพราะเราฝึกซ้อมที่ จ.นครราชสีมา อีกทั้งตนคิดว่า นี่คือโอลิมปิกขอทานหรือเปล่า เพราะต้องขอกระสุนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เมื่อขอไม่ได้ก็ต้องดิ้นรนเอง แต่วันนี้ยังสู้เต็มที่ ต้องขายบ้านขายรถ เพื่อให้ลูกได้มีกระสุนฝึกซ้อม
แม่น้องกัปตัน อิสรานุอุดม ยังได้เล่าอธิบายทิ้งท้ายอีกว่า นอกจากเรื่องกระสุนแล้ว เรื่องพยายามเปลี่ยนตัวก็โดน คนอื่นอาจจะยอม แต่เราไม่ยอม เพราะเราต้องฝึกซ้อมเอง ซึ่งตัวแม่ก็ต้องทำเรื่องขอเป็นโค้ช เพื่อจะได้เดินทางมาดูแลลูก ต้องไปร้องเรียน กกท. โอลิมปิกเพื่อให้ได้สิทธิ์ ต้องไปดีลกับโค้ชต่างชาติให้มาสอนลูก ชั่วโมงละเป็นหมื่น สอนออนไลน์หลายเดือน เพราะเราเองก็ไม่เคยได้รับการสนับสนุนตรงนี้เลย เมื่อไม่ดูแลกันก็ไม่เป็นไร เราจะขอสู้เอง ขอแค่ไม่ปิดโอกาสนักกีฬากันก็พอ