- 28 ธ.ค. 2564
เปิดแผน มาโน โพลกิง เฮดโค้ชทีมชาติไทยชาวเยอรมัน เตรียมบวก อินโดนีเซีย ในวันที่ไร้ ฉัตรชัย - ธีราทร ลงสนามเสริมแกร่ง
นับถอยหลังชิงชัยกันแล้วกับการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก คู่ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่จะลงสนามฟาดฟันความเป็นจ้าวอาเซียนในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ เวลา 19:30 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาของ มาโน โพลกิง กุนซือใหญ่ทัพช้างศึก ชาวเยอรมันถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอดเยี่ยม
ก่อน AFF Suzuki Cup 2020 รอบชิงชนะเลิศ จะเริ่มต้นขึ้น มาโน โพลกิง โค้ชทีมชาติไทยคนปัจจุบัน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนจะเปิดศึกกับ อินโดนีเซีย ซึ่งกุนซือชาวเยอรมัน ระบุว่า รู้สถิติของอินโดนีเซียเป็นอย่างดี พวกเขาเข้าใกล้แชมป์มาหลายครั้ง แน่นอนไม่ว่าใครเวลาเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศต้องหวังถึงแชมป์
โค้ชทีมชาติไทยคนปัจจุบัน ระบุต่อปว่า อินโดนีเซียเป็นทีมที่ดี อีกทั้งยังได้พักมามากกว่าทีมชาติไทย 1 วัน แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับทีมชาติไทย เพราะเราจะวิเคราะห์การเล่น หาแผนการเล่น และเลือกผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามในเกมนี้ ไม่ต้องไปคิดถึงสถิติให้มากนัก เพราะทั้งสองทีมควรมาอยู่ในจุดนี้ทั้งคู่ และทีมไทยจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเป็นแชมป์ให้ได้
"ตอนนี้ผมคิดว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องของการเป็นเบอร์ 1 อาเซียน ทีมไทยยังคงมีเป้าหมายในการคว้าแชมป์กลับบ้านให้ได้ ยังเหลือเกมที่ยากอีก 2 เกมรออยู่และเราจะต้องมีสมาธิกับตรงนั้น" มาโน โพลกิง กล่าวถึงเป้าหมาย
โพลกิง กล่าวต่อไปว่า อินโดนีเซีย นั้นเป็นทีมที่สามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบ อย่างเกมกับเวียดนามพวกเขาสามารถเล่นเกมรับได้อย่างดีและเก็บผลเสมอ 0 - 0 มาได้ ขณะที่เกมอื่นๆ พวกเขาแสดงให้เห็นว่ามีเกมรุกที่อันตราย ดังนั้นทีมไทยจะต้องเตรียมพร้อมรับมือและวางแผนให้ดี แน่นอนว่าตอนนี้มันกลับมาเป็นเกม 180 นาที ที่ทุกอย่างเท่ากันที่ 0 - 0 อีกครั้ง
"ไทยจะต้องเริ่มต้นให้ดีเหมือนเกมเจอกับเวียดนาม เพราะมันจะช่วยให้วางแผนในการเล่นนัดที่สองได้ดี ซึ่งตลอด 6 นัดที่ผ่านมาทีมชาติไทยเป็นฝ่ายที่ครองบอลได้มากกว่าทุกนัด และการครองบอลคือจุดแข็งของทีมอยู่แล้ว คิดว่าไม่ใช่ปัญหาอะไร บางทีโค้ชชาวเกาหลีใต้อาจจะไปมองบางช่วงของเกมที่เจอกับเวียดนามและเข้าใจผิดมากกว่า" โค้ชชาวเยอรมันวิเคราะห์
นอกจากนี้ โพลกิง ยังได้ระบุถึง ฉัตรชัย บุตรพรม ผู้รักษาประตูจอมเซฟของทีมชาติไทย และ ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายตัวเก๋าของช้างศึก อีกด้วยว่า น่าเสียดายสำหรับ ฉัตรชัย ที่ได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้า ซึ่ง ฉัตรชัย เป็นบุคคลสำคัญของทีมที่ช่วยให้ทีมผ่านมาถึงรอบชิงชนะเลิศและเจ้าตัวอยากลงเล่นทั้งสองเกมเช่นกัน
ขณะที่ อุ้ม ธีราทร คือนักเตะที่มีประสบการณ์สูงที่สุดในทีมคนหนึ่งและเป็นผู้เล่นคุณภาพ อย่างไรก็ตามเราจะไม่มีธีราทรเพียงแค่ 90 นาทีแรกเท่านั้น นับเป็นเรื่องดีที่จะได้ความสดของ ธีราทร กลับมาในเกมที่สองด้วย ส่วนเรื่องตัวแทนทีมชาติไทยนั้นมีคุณภาพผู้เล่นบนม้านั่งสำรองที่ดีอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่มีปัญหาอะไร
"เรื่องสนามแข่งแน่นอนว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะเล่นกันมาหลายนัดมากแล้ว แต่ในเมื่อเขา (ชิน แท-ยง) บอกว่าทีมเราครองบอลได้ไม่ดี ดังนั้นที่สนามไม่ดีก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเราอยู่แล้วสิ่งที่ประทับใจมากที่สุดในทีมอินโดนีเซียคือแนวทางการเล่นของพวกเขา เป็นทีมที่อายุน้อยและทำงานกันหนักทั้งทีม
ส่วนตัวโค้ชก็มีประสบการณ์อย่างมาก แต่ทีมชาติไทยก็จะมองที่ทีมตัวเองเท่านั้น มันเป็น 2 เกมที่ยาก แต่จะทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อนำถ้วยแชมป์กลับบ้านให้ได้" กุนซือใหญ่ทัพช้างศึกกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับทีมชาติไทย จะพบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย ใน ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2020 รอบชิงชนะเลิศ โดยจะแข่งขันสองนัดในวันที่ 29 ธันวาคม 2564 และ 1 มกราคม 2565 ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และ AIS Play
ภาพจาก ช้างศึก