เช็คช่องทาง ดูถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 หลังสั่งกสทช. สั่งตัดสัญญาณ

สั่งตัดสัญญาณถ่ายทอดสดบอลโลกแล้ว หลัง ฟีฟ่า ส่งคำเตือนมาแล้วถึง 6 ครั้ง หลังจากที่ ฟีฟ่า (FIFA) ได้ส่งสารเตือนมาว่า จะตัดสัญญาณถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 หรือ ฟีฟ่าเวิลด์คัพกาตาร์ 2022 (FIFA World Cup Qatar 2022) ที่เพิ่งจะเดินทางเข้าสู่ช่วงท้ายของรอบแบ่งกลุ่มในไทยซะอย่างงั้น ซึ่งทาง ฟีฟ่า ได้ให้เหตุผลว่า พบการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทย จึงขอให้จัดการโดยด่วนก่อนที่บอลโลกจะถูกตัดสัญญาณเป็นจอดำทั้งหมดแม้ว่าจะซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้ว 

 

 

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้มีรายงานว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เรียกประชุมผู้แทนสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ของประเทศไทย เพื่อหารือเรื่องการเข้ารหัสสัญญาณ การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 (FIFA World Cup 2022) จากประเทศกาตาร์ หลังได้รับการร้องขอจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) 

 

ทั้งนี้ เนื่องจากได้ กกท.ได้รับคำเตือนจาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง เรื่องการตรวจพบการลักลอบใช้สัญญาณถ่ายทอดสดแบบผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้านของไทย อันเนื่องมาจากมาตรฐานการเข้ารหัสสัญญาณดาวเทียมแบบเดิมที่ประเทศไทยใช้อยู่ คือในระบบ BISSKY 
 

 

โดย ฟีฟ่า (FIFA) ได้ส่งคำเตือนมาแล้วถึง 6 ครั้งด้วยกัน และหากประเทศไทยไม่แก้ไข ก็อาจถูกระงับสัญญาณ ห้ามถ่ายทอดสดการแข่งขัน แม้ว่าจะมีการจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ไปแล้วก็ตาม ดังนั้น กสทช. จึงมีมติให้ต้องมีการเข้ารหัสชั้นสูง (CAS) จากผู้ให้บริการโครงข่าย MUX และงดการส่งสัญญาณภาพในระบบดาวเทียม C-Band (จานดาวเทียมตะแกรงดำ) 

ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ทำให้ผู้ชมในระบบดาวเทียม C-Band ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ได้ และสำหรับ ช่องทางการรับชมฟุตบอลโลก 2022 ที่ยังสามารถรับชมได้ตามปกติ มีดังนี้
- ระบบดิจิตอลทีวี
- ระบบดาวเทียมเฉพาะ KU-Band (จานเล็ก) DTV Samart
- โครงข่าย True Visions

ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวจะเริ่มมีผลทันทีตั้งแต่คืนวันที่ 1 ธ.ค.65 (เวลา 00.01 น. วันที่ 2 ธันวาคม 2565) ซึ่งทำให้การดูฟุตบอลโลก 2022 ในเกมรอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่มอี ทั้ง 2 คู่ในช่วงดึก เวลาตี 2 จะไม่สามารถรับชมผ่านระบบดาวเทียม C-Band ได้ โดยจะขึ้นเป็นจอดำเฉพาะในช่วงที่มีการแข่งขันเท่านั้น จนถึงรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 18 ธันวาคมนี้

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline