- 15 ต.ค. 2566
ดราม่า ทีมชาติไทย เดินทางทรหด-รันทด กว่า11ชั่วโมง ล่าสุดสมาคมฟุตบอลฯ แจง ทำไมการเดินทางเครื่องบิน-รถบัส-เรือ ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดและเหนื่อยน้อยที่สุด ในฟีฟ่าเดย์ หนนี้
เกาะติด ฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดลุยฟุตบอลอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ เดือน ต.ค.2566 โดยหลังจากจบเกมแรก ที่บุกไปแพ้ จอร์เจีย 0-8 ทัพช้างศึกจะต้องเดินทางต่อทันที โดยเป็นการเดินทางอันสุดทรหดกว่า 11ชั่วโมง เพื่อไปยังประเทศเอสโตเนีย เตรียมลงสนามอุ่นเครื่อง ฟีฟ่าเดย์ นัดที่ 2 พบ เอสโตเนีย วันที่ 17 ต.ค.66
โดยหลังเกมที่พ่าย จอร์เจียร์ ทัพ"ช้างศึก" ออกเดินทางจากประเทศจอร์เจีย ในช่วงเวลา 02.00 น. ของวันที่ 14 ตุลาคม 2566ตามเวลาท้องถิ่น โดยใช้เวลาเดินทางราวๆ 5 ชั่วโมง ลงเครื่องท่าอากาศยานนานาชาติริกา ประเทศลัตเวีย
จากนั้นค่อยเดินทางด้วยรถบัสจากลัตเวีย เข้าประเทศเอสโตเนียอีกราวๆ 5 ชั่วโมง จึงจะถึงที่พัก ใช้เวลาเดินทางรวมมากกว่า 11 ชั่วโมง โดยทีมชาติไทย จะลงซ้อมทันทีหลังจากถึงเอสโตเนียในช่วงเวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย คืนวันที่ 14ต.ค.66 ที่ผ่านมา
ล่าสุดข้อมูลจาก เพจ BallThaiStand ที่ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงสำหรับการจองตั๋วเดินทางครั้งนี้ไปยังประเทศจอร์เจียนและเอสโตเนีย ในเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ ซึ่งได้รับข้อมูล ดังนี้
ขาไปจากจอร์เจีย-เอสโตเนีย
1.ไม่มีไฟท์ตรงจากจอร์เจีย-เอสโตเนีย เพราะน่านฟ้ายูเครนปิด ฉะนั้นตามคำแนะนำของเอสโตเนีย (คนท้องถิ่น) คือ บินลงลัตเวีย โดยที่สมาคมฟุตบอลเอสโตเนีย เอารถบัสและรถขนของสัมภาระไปรอรับที่สนามบินและขับพาไปส่งที่โรงแรมโดยตรงเลย
2.เมื่ออยู่บนรถบัสแล้ว การเดินทางจากลัตเวียเข้าประเทศเอสโตเนียไม่ต้องผ่านด่าน ตม. เพราะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจเช็คพาสปอร์ตระหว่างทางบนรถบัส ทำให้นักฟุตบอลไม่ต้องเสียเวลา
3.ถ้าจะใช้วิธีต่อเครื่องจากลัตเวียไปเอสโตเนีย สามารถทำได้ แต่ต้องรอเปลี่ยนเครื่องประมาณ 6 ชม. และนักฟุตบอลต้องทำการตรวจพาสสปอร์ต 2 รอบ ทั้งขาเข้าลัตเวียและออกลัตเวีย ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ต้องขนสัมภาระออกและเช็คอินใหม่ ซึ่งนับดูแล้วจะใช้เวลานานกว่าข้อ 1 (อีกทั้งเป็นคณะใหญ่ ฉะนั้นจะมีความยุ่งยากมากกว่าเดินทางส่วนตัว)
4.วิธีตามข้อ 1 คือการเดินทางที่นักฟุตบอลเหนื่อยน้อยที่สุดและเป็นคำแนะนำจากเจ้าถิ่น
ขากลับเอสโตเนีย-ไทย
1.ไม่มีบินตรงจากเอสโตเนียไปโดฮา ฉะนั้นการเดินทางโดยเครื่องบินจะเหมือนตอนขามา คือ เอสโตเนีย-ลัตเวีย-โดฮา ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าจะผ่านแต่ละด่าน เพราะต้องนั่งรอต่อเครื่องหลายชั่วโมง และที่สำคัญคือไม่มีสายการบินเดียวกันหรือพันธมิตร ฉะนั้นในทุกครั้งที่เปลี่ยนเครื่องจะต้องเช็คอินสัมภาระใหม่
2.การนั่งเรือจากเอสโตเนียไปฟินแลนด์ เพื่อขึ้นเครื่องที่ฟินแลนด์ต่อไปยังโดฮา และบินเข้าประเทศไทย เป็นวิธีที่ใช้เวลาน้อยที่สุด
3.เนื่องจากการเดินทางคณะใหญ่ (ประมาณ 40 คน) ฉะนั้นจะต้องเดินทางพร้อมกันทั้งหมด ทำให้การหาไฟท์บินมีข้อจำกัด
วิธีดังกล่าวถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะใช้เวลาน้อยกว่าและนักฟุตบอลเหนื่อยน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามจากการที่มีประเด็นเกิดขึ้นอาจเป็นเพราะการสื่อสารของเจ้าหน้าที่สมาคมฯ ที่ไม่มีการแจ้งรายละเอียดให้นักฟุตบอลได้รับทราบล่วงหน้า ทำให้ไม่มีใครรู้โปรแกรมที่แน่ชัด
สำหรับโปรแกรมฟุตบอลฟีฟ่าเดย์ นัดต่อไปของ ฟุตบอลชายทีมชาติไทย วันที่ 17 ตุลาคม 2566 เวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย จะพบกับ เอสโตเนีย ที่สนาม อา เลอ ค็อก อารีนา
cr.Ball Thai Stand