สื่อนอกฟาดด้อมไทยหน้าชา ปมขึ้นป้ายเชียร์ นักกีฬาจีน แต่ไม่รู้วัฒนธรรม

สื่อนอกฟาดด้อมไทยหน้าชา ปมขึ้นป้ายเชียร์ นักกีฬาจีน แต่ไม่รู้วัฒนธรรม สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้เกิดประเด็นร้อนในโลกออนไลน์อย่างหนัก เมื่อ หลี หยงเจิน (Li yongzhen) นักวอลเลย์บอลทีมชาติจีน แสดงความไม่พอใจต่อแฟนคลับชาวไทยที่ชูป้ายเชียร์ ระหว่างเดินทางมาแข่งขันการแข่งขันวอลเลย์บอลชายชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย 2022 หรือ วอลเลย์บอลชาย AVC CUP 2022 ที่จังหวัดนครปฐม ประเทศไทย

โดยป้ายดังกล่าวมีข้อความที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "แม่รักหนู" ซึ่งนั่นทำให้ หลี หยงเจิน บอลเร็วหนุ่มจีน กลับเดินเข้าไปบอกแฟนคลับว่า เป็นภาษาอังกฤษว่า "ผมไม่ชอบอันนี้" ก่อนที่เจ้าตัวจะอธิบายเป็นภาษาจีน ว่า "ผมไม่ชอบครับ ผมรู้สึกว่ามันไม่เคารพคุณแม่ของผม" ก่อนที่จะกล่าวขอบคุณแล้วเดินออกไป 

ภายหลังมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวออกไป แฟนคลับที่ถ่ายคลิปมาเผยแพร่ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวมีการเคลียร์กันจบไปแล้ว ทำแฟนวอลเลย์บอลหลายคนยังรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกนักกีฬารายนี้ที่ต้องเจอกับดราม่าดังกล่าว ซึ่งยังมีการอธิบายว่า หลีหยงเจิน นั้นให้ความเคารพรักในบุพการีมากตามวัฒนธรรมจีนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงมองว่าป้ายที่มีข้อความเกี่ยว "แม่" นั้นเป็นเรื่องไม่เหมาะสม

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุดสื่อดังในประเทศจีนอย่าง New QQ ได้ออกมาพูดถึงเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า สิ่งที่ หลี หยงเจิน ทำกับแฟนคลับชาวไทย อาจมองได้ว่าเป็นการทำร้ายจิตใจแฟนคลับ เพราะเป็นเรื่องของความแตกต่างทางวัฒนธรรม และคนที่ชูป้ายก็เป็นคนที่เชียร์เขาทั้งนั้น แต่ หลี หยงเจิน ทำถูกแล้วที่เดินเข้าไปชี้แจงกับแฟนคลับตามตรง เพราะถ้ามีคนที่เข้าใจผิดก็ควรอธิบาย หรือแก้ไขให้เข้าใจตรงกัน

โดยในรายละเอีบดสื่อดังกล่าวได้ระบุอีกว่า การที่เหล่าแฟนคลับแทนตัวเองว่าแม่ เป็นเพราะบริบททางวัฒนธรรมที่ต่างกัน และคำว่า ‘แม่’ สำหรับชาวเอเชียนั้นยิ่งใหญ่ลึกซึ้ง โดยเฉพาะสำหรับคนจีน และไม่ใช่คำที่จะนำมาล้อเล่นได้ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่น่ากังวลมากกว่าความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่คือการที่กองเชียร์ปฏิบัติต่อนักกีฬา เหมือนแฟนคลับปฏิบัติกับศิลปินไอดอล 

 

"แต่สองอาชีพนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะนักกีฬาต้องพุ่งเป้าไปที่การแข่งขัน และการใส่ใจ หรือเอาใจแฟนคลับ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของนักกีฬา" สื่อดังในประเทศจีนระบุทิ้งท้าย 

ภาพจาก AVC - Asian Volleyball Confederation

คลิปจาก snissimping
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline