- 12 ก.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th/
หากพูดถึงตำนานเรื่อง "ศพในกล่อง" วัยรุ่นยุคนี้ หรือ คนที่อายุยังไม่ถึง 50 แทบจะไม่รู้จักเลยว่าคืออะไร ไม่แม้แต่รู้ว่าเป็นคดีที่ขึ้นธรรมเนียบความสยองอันดับ 1 ในแฟ้มคดีประเทศไทย และเป็นข่าวครึกโครมมากในสมัยนั้น แต่คนในบริเวณโรงงานยาสูบ แถวสถานีรถไฟสายเหนือเชียงใหม่ แทบทุกคนรู้จักตำนานนี้เนื่องจากคนเฒ่าคนแก่เล่ากันต่อๆมา ด้วยความเฮี้ยน ของ "ผีในกล่อง" จนเป็นตำนานเล่าขานถึงความสยอง โดยที่ไม่รู้เลยว่านี่คือคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นจริง คิดแต่ว่าเป็นเรื่องเล่าขอผู้เฒ่าผู้แก่ที่เล่าต่อๆกันมาว่า
"เมื่อสมัยก่อนนั้นโรงงานยาสูบแทบจะไม่มีคนกล้ามาทำงาน เพราะต้องมาทำแต่เช้ามืด และบางทีก็ต้องเลิกงานมืดๆค่ำ มีหลายคนเดินมาทำงานคนเดียว เจอกล่องไม้ใบใหญ่วางอยู่อย่างน่าสงสัย พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็จะเจอเด็กผู้ชายอายุน่าจะประมาณ 14-15 ยืนหันหลังร้องไห้ พอเข้าไปถามว่าเป็นอะไรร้องไห้ทำไม เด็กคนนั้นก็จะให้ช่วยเปิดกล่องให้หน่อย ใครใจดีเปิดกล่องก็ต้องตกตะลึง เพราะ จะเห็นศพเน่าเละภายในกล่อง และเด็กคนนั้นก็จะยืนหัวเราะอย่างมีความสุข" เป็นเรื่องที่หลายคนในโรงงานยาสูบเล่าว่าเจอแบบนี้หลายคน จนเป็นเรื่องโด่งดังมากในบริเวณนั้น บ้างก็แค่เห็นเงาเด็กแวบไปมาทั้งที่บริเวณนั้นเงียบสนิทไม่มีคนอยู่ แต่กลิ่นตลบอบอวลระหว่างการทำงานจนทำให้โรงงานต้องปิดทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เคยมาแล้ว แต่กลิ่นก็ยังไม่หายยังส่งกลิ่นเน่าเหม็นโชยมาเป็นระยะๆ จนเจ้าของต้องทำบุญครั้งใหญ่ นำร่างทรงจากทุกทิศทุกทางมาปัดรังควานก็ยังไม่หาย แต่น่าแปลกที่เมื่อจับคนร้ายได้ เรื่องทั้งหมดนี้ก็หายไปไม่เกิดขึ้นอีกเลย จนกลายเป็นแค่เรื่องเล่าขานตำนานสืบต่อมา
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ 50 กว่าปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ บ่ายอ่อนๆ ของวันที่ 4 ก.พ. 2508 มันเริ่มขึ้นเมื่อรถไฟสายเหนือกรุงเทพฯ-เชียงใหม่นำโบกี้รถไฟมาส่งหน้าโกดังโรงงานยาสูบ
ตรงข้ามสถานีรถไฟเชียงใหม่ นายหลวงกับนายศักดิ์(ไม่ทราบนามสกุล) กรรมกรผู้ใช้แรงงานกำลังง่วนอยู่กับการทำงานแบกหามอยู่ในโกดังต้องหยุดชะงักลงเมื่อเขาได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยเตะจมูกอย่างรุนแรง ทั้งสองคนช่วยกันหาที่มาของกลิ่นชนิดนี้ทันที
ท่ามกลางความงงสงสัย และคาดเดาไปต่างๆนานา กล่องกระดาษสีน้ำตาลใบใหญ่มีเชือกผูกมัดไว้อย่างแน่นหนาถูกวางหลบในหลืบโบกี้รถไฟตู้หนึ่ง ก้นกล่องปรากฏคราบที่เกิดจากความเปียกชื้นของวัสดุที่หีบห่อ ทั้งสองช่วยกันยกลงมาจากโบกี้ ด้วยความสงสัยจึงแง้มฝากล่องออก แล้วล้วงลงไปพบกระดาษหนังสือพิมพ์อัดแน่นอยู่เหนือพลาสติก
เวลา 14.00 น. ภายหลังที่กรรมกรทั้งสองนำกล่องกระดาษออกมาจากโบกี้รถไฟแล้ว นายปอช่วย แซ่อึ้งผู้จัดการบริษัทรุ่งเรืองขนส่งเชียงใหม่ ผู้เช่ารถไฟดังกล่าวเดินมาถึงที่โกดัง เขาได้รับรายงานผิดปกติทุกสิ่งทุกอย่างจากลูกน้อง เขาจึงตัดสินใจเปิดกล่องออก เชือกที่ผูกมัดหนังสือพิมพ์ถูกแก้ออกทีละน้อยๆ ทุกครั้งที่เชือกที่ผ่อนออกมาเท่าไร กลิ่นเหม็นก็ยิ่งคละคลุ้งฟุ้งกระจายบนอากาศมากขึ้น
และสิ่งแรกที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนเป็นไม้ระแนงที่วางไว้ในแนวขวาง เพื่อป้องกันไม่ให้กล่องบิดเบี้ยวผิดรูป แสดงให้เห็นว่าสินค้าในกล่องนั้นมีน้ำหนัก ด้านบนยังอัดแน่นด้วยแกลลอนน้ำมันและกระดาษหนังสือพิมพ์
ขณะที่บริเวณใจกลางกล่องมีถุงพลาสติกสีแดงขนาดใหญ่ห่อหุ้มสิ่งหนึ่งอยู่ และแล้วทั้งสามคนก็รู้ที่มาของกลิ่นนี้ มันมากจากร่างของเด็กที่ตายแล้วคนหนึ่ง นอนคุดคู้(หั่นศพ) ตามรอยกลายหนอนไต่ยั้ยเยี้ย บ่งบอกได้ว่า เจ้าของกลิ่นนั้นตายหลายวันแล้ว ทุกคนที่เห็นภายเหล่านี้ถึงกับผงะ เพราะตกใจกับภาพที่ไม่เคยนึกไม่ฝันว่าจะพบแบบนี้เป็นครั้งแรก
ร.ต.อ.สนาม คงเมือง ร้อยเวร สภ.อ.เชียงใหม่(สมัยนั้น) เดินทางมาตรวจสอบร่วมกับ พ.ญ.บุญทวี จันทร์วงศ์ แพทย์เวรเพื่อชันสูตรพลิกศพ ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็พอรู้ว่าศพที่โดนหั่นนั้นเป็นเด็กแบบใด ศพเด็กชายคนนั้นตัดผมสั้นเกรียมแบบนักเรียน นุ่งกางเกงสีดำ สวมเสื้อคอกลมสีขาว ที่หัวพบบาดแผลถูกทำลายจนเป็นแผลฉกรรจ์
เพราะผมหายไปเป็นกระจุกๆ ที่สำคัญมีรอยเชือกปรากฏที่ลำคอเป็นทางยาว ลำพังหลักฐานเพียงเท่านั้น ไม่สามารถระบุศพได้ว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน
จนกระทั้งตำรวจพบแหวนทองลงยาที่หัวแหวนหลุดหายไป สวมอยู่นิ้วกลางขวาระบุชื่อร้าน “ฮั่วเซ่งเฮง” เป็นภาษาจีน นอกจากนี้ในกล่องกระดาษยังมีหนังสือเขียนด้วยหมึกสีน้ำเงินข้อความว่า “ส่งถึงคุณเกษม 575 รัตนเขต เชียงราย จากย่งเส็ง เซียงกง” นอกจากนั้นไม่มีหลักฐานอื่นใดเลย
มาทราบภายหลังว่าศพเด็กชายนิรนามคนนั้น คือน้องชายของ นาย สรศักดิ์ แซ่อึ้ง เจ้าของร้านขายยามหาชัยเภสัช ย่านสีลม กรุงเทพฯ ที่ถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2580 จนมาพบศพเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2508 การติดตามคนร้ายเริ่มต้นทันทีหลังจากได้ฟังคำให้การของพี่ชายผู้ตาย การตามหาตัวฆาตกรนี้ง่ายมาก แค่หาที่มาของกล่องกระดาษไปนี้ นี้ไงมันปรากฏชื่อที่อยู่ของผู้ส่งบนกล่องด้วย มันมาจากบริษัทชุนหวัฒนา ถนนตรีมิตร ร้านนำเข้าเครื่องยนต์ เจ้าของบริษัทอุทัย เอ็กซ์ปอร์ต ถนนสุรวงศ์ จากเบาะแสของกล่องกระดาษ นำไปสู่การตามหาตัวฆาตกรอย่างง่ายดาย เมื่อพบว่ามีคนงานในบริษัทอุทัยเอ็กซ์ปอร์ตหายหน้าไปคนหนึ่งนานนับเดือน และเขาทิ้งร่องรอยไว้หลายอย่าง เช่น เครื่องพิมพ์ดีด หนังสืออาชญากรรม ปอยผม
หลักฐานสำคัญที่ทำให้ตำรวจมั่นใจว่าลูกจ้างรายนี้คือ ฆาตกรเลือดเย็นคือ คราบเลือดที่ซึมอยู่ใต้พื้นปาร์เกต์ แม้ว่าฆาตกรจะทำการชะล้างคราบเลือดบนพื้นจนหมดสิ้น ก็ไม่อาจจัดการกับคราบเลือดบนพื้นได้หมดเพราะเลือดบางส่วนซึมเข้าไปอยู่ใต้พื้นปาร์เกต์ แต่การตามจับตัวฆาตกรนั้นต้องรอนานนับเดือนกว่าจะได้ตัว จนในที่สุดความพยายามของตำรวจก็ทำสำเร็จ เมื่อฆาตกรคนนั้นพยายามหนีการจับกุม ต้องระเห็จเร่รอนไปตามที่ต่างๆแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด และโดนตำรวจจับได้ในที่สุด โดยคดีนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นคดีฆ่าตกรรมที่เลือดเย็นที่สุดในแฟ้มอาชญากรรมประเทศไทยคดีหนึ่ง
อ้างอิงข้อมูลจาก - เพจ เปิดแฟ้มคดีดัง , www.pantip.com