- 17 ม.ค. 2561
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
เนื่องในวันที่ ๑๗ เป็นวันคล้ายวันละสังขารของ "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ" เป็นภิกษุชาวไทย จำพรรษา ณ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ มีวิธีการเมตตาในสอนศิษย์ทังหลาย โดยอุบายธรรมสั้นๆ ง่ายๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งในตัว โดยเล่าจากเหตุการณ์ที่ท่านพบเห็นมากับตัวของท่านเองหรือได้มาจากการปฏิบัติธรรมอันยาวนานตลอดชีวิตท่านและบางครั้งก็กล่าวถึงพุทธประวัติ ธรรมบทหรือชาดกต่างๆ ตามแต่ท่านจะเห็นควร ในเวลาหรือโอกาสต่างๆ ที่จะนำมาสอนศิษย์เพราะลูกศิษย์แต่ละคนนั้นมีภูมิธรรมไม่เท่ากัน คนที่เข้าวัดใหม่ๆ ท่านก็จะสอนแบบเข้าใจง่ายๆ แต่ลึกซึ้งและกินใจจน เสมือนหนึ่งว่าท่านสามารถรู้ถึงก้นบึ้งของความคิดของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา
เรื่องราวของหลวงปู่ดู่ และหลวงปู่ทวดนั้น ผูกพัน เชื่อมโยงกันอย่างแปลกประหลาด จนบรรดาลูกศิษย์และครูบาอาจารย์ผู้เป็นสหธรรมิก ต่างได้พบประสบการณ์ส่วนตัวที่แตกต่างกันไป ซึ่งสรุปรวมตรงกันว่า "หลวงปู่ดู่ ท่านเป็นอีกภาคหนึ่งของหลวงปู่ทวด" บ้างก็เชื่อว่า "หลวงปู่ดู่ คือหลวงปู่ทวดกลับชาติมาเกิด"
แม้แต่ตัวหลวงปู่ดู่ท่านเอง ก็ยังมีเรื่องเล่าที่ได้บันทึกไว้เช่นกัน...ดังความว่า
ครั้งหนึ่งหลวงปู่ดู่นิมิตได้นิมิตว่า มีพระผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่ผิวดำมาหา แล้วบอกว่าถ้าอยากได้ของดีให้หา “ภูติพระพุทธเจ้า” ให้พบ จากนั้นท่านก็เขียนยันต์ลงในธง ๓ ผืน จากนั้นท่านเอามือตบลงไปปรากฏว่าธง ๓ ผืนที่ท่านเขียนยันต์เมื่อครู่ลอยขึ้นไปบนฟ้าเป็นอัศจรรย์ อีกครั้งหนึ่งได้นิมิตว่าหลวงปู่ผู้เฒ่าท่านนี้เอาคัมภีร์ใบลานแบกมาบอกว่าจะเอาให้ท่านฉัน หลวงปู่ดู่ตอบไปในความฝันว่าจะฉันลงไปได้อย่างไร พระผู้เฒ่ารูปนั้นเลยเอาใบลานมาเผาไฟเพื่อให้ท่านฉัน พอดีหลวงปู่ดู่ท่านตื่นซะก่อนเลยไม่ได้ฉันลงไป ต่อมาภายหลังท่านจึงเล่าให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดฟังว่าพระผู้เฒ่าที่มาเข้าฝันท่านนั้นแท้จริงก็คือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ส่วนเรื่องที่มาบอกนั้นก็หมายถึงวาสนาบารมีเก่าของท่านนั่นเองว่าท่านเคยทำมาแล้ว หมายถึงเคยสร้างบารมีสั่งสมมามากแล้วนั่นเอง
เรื่องหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดกับหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญนั้นลึกลับซับซ้อนมาก ในคราวแรกนั้นหลวงปู่ดู่ได้รับนิมิตจากหลวงปู่ทวดมาสอนมาบอกทางกรรมฐานให้ จนหลวงปู่ดู่ท่านนับถือหลวงปู่ทวดเป็นอย่างมาก นับเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่ดู่เลยก็ว่าได้ และจากนั้นมาท่านจึงรู้แจ้งว่าความผูกพันธ์ของท่านกับหลวงปู่ทวดนั้นมีความจริงที่อัศจรรย์ยิ่งกว่าอาจารย์กับศิษย์ เพราะแท้จริงแล้ว หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ก็คือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดภาคหนึ่งที่ลงมาสร้างสมบารมี และยิ่งกว่านั้น หลวงปู่ทวดก็ดี หลวงปู่ดู่ก็ดี ถือว่าเป็นภาคหนึ่งของพระศรีอาริย์ที่ลงมาสร้างบารมีในยุคพุทธกาลของพระสมณะโคดมนั่นเอง
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นต้นมา สุขภาพของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เริ่มทรุดโทรมเนื่องการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ สาเหตุจากการที่บรรดาศิษย์ทั่วทุกสารทิศ ที่หลั่งไหลกันมานมัสการท่านมากขึ้นทุกวันหลายคราหลายครั้งจะสุขภาพจะทรุดหนักมาก ท่านก็อุตส่าห์ออกโปรดญาติโยมเป็นปกติ พระที่อุปัฏฐากท่าน เล่าว่า บางครั้งถึงขนาดที่ท่านต้องพยุงตัวเองขึ้นด้วยอาการสั่น และมีน้ำตาคลอเบ้า ท่านก็ไม่เคยปริปากให้ใครต้องเป็นกังวลเลย แม้ว่าทางคณะแพทย์ ได้กราบขอร้องหลูวงปู่ให้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่หลวงปู่ก็ปฏิเสธ ภายหลังตรวจพบว่า หลวงปู่ อาพาธด้วยโรคลิ้นหัวใจรั่ว
จนกระทั่งปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๒ หลวงปู่เริ่มพูดบ่อยครั้งกับบรรดลูกศิษย์ เกี่ยวกับ การละสังขารของท่าน จนเมื่อวันอังคารที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ช่วงเวลาบ่ายนั้น มีนายทหารอากาศผู้หนึ่งมากราบท่านเป็นครั้งแรก หลวงปู่ท่านได้ลุกขึ้นนั่งตอนรับ ด้วยใบหน้าที่สดใส ราศีเปล่งปลั่งเป็นพิเศษ จนบรรดาศิษย์ เห็นผิดสังเกต หลวงปู่ยินดีที่ได้พบกับศิษย์ผู้นี้ ท่านว่า “ต่อไปนี้ ข้าจะได้หายเจ็บไข้เสียที ” คืนนั้นมีคณะศิษย์มากราบท่าน ท่านได้พูดว่า “ ไม่มีส่วนใดในร่างกายที่ไม่เจ็บปวดเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าห้อง ICU ไปนานแล้ว ” พร้อมทั้งพูดหนักแน่นว่า “ข้าจะไปแล้วนะ” และกล่าวปัจฉิมโอวาทย้ำให้ทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท “ถึงอย่างไรก็ขอให้อย่าได้ละทิ้งการปฏิบัติ ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติ ก็เหมือนนักมวย ขึ้นเวทีแล้วต้องชก อย่ามัวแต่ตั้งท่า เงอะๆ งะๆ”
คืนนั้นหลวงปู่ก็กลับเข้ากุฏิ และละสังขารไปด้วยอาการสงบในกุฏิท่าน เมื่อเวลาประมาณ ๕ นาฬิกา ของ วันพุธที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๓ รวมสิริอายุได้ ๘๕ ปี ๘ เดือน ๖๕ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่พระราชทานเพลิงศพองค์หลวงปู่ดู่ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๕
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ หัวใจกรรมฐาน จากหลวงปู่ดู่ สู่หลวงปู่ทวด/ ทิพยจักร
https://th.wikipedia.org/wiki/หลวงปู่ดู่_พฺรหฺมปัญโญ