ปล่อยสัตว์ต่ออายุขัย โรคภัยไม่เบียดเบียน! เปิดวิธีทำบุญปล่อยสัตว์รับปีใหม่ไทย  ทำอย่างไรจึงจะเห็นผลและเกิดอานิสงส์มาก?

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า มีสามเณรรูปหนึ่ง นามว่าติสสะ เป็นศิษย์พระสารีบุตร เขาเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 7 วันก็จะถึงอายุขัย พระสารีบุตรจึงอนุญาตให้สามเณรเดินทางไปร่ำลาบิดามารดา ระหว่างทาง สามเณรน้อยได้ช่วยเหลือฝูงปลาในลำธารอันเหือดแห้ง ให้พ้นจากความตาย โดยการช้อนขึ้นมาแล้วนำไปปล่อยในแม่น้ำ และได้ช่วยเก้งออกจากบ่วงแร้วของนายพราน ครั้นร่ำลาบิดามารดาแล้ว ก็ล่วงเลยมากกว่า 7 วัน สามเณรก็ยังมีชีวิตอยู่ เขาจึงกลับไปหาพระสารีบุตร ท่านจึงสอบถามว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นระหว่างทาง สามเณรจึงเล่าว่าเขาได้ช่วยชีวิตปลาและเก้ง  พระสารีบุตรจึงกล่าวว่า การให้ทานชีวิตเป็นอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ จึงช่วยต่ออายุขัยของสามเณรให้ยืนยาวออกไป

ปล่อยสัตว์ต่ออายุขัย โรคภัยไม่เบียดเบียน! เปิดวิธีทำบุญปล่อยสัตว์รับปีใหม่ไทย  ทำอย่างไรจึงจะเห็นผลและเกิดอานิสงส์มาก?

ด้วยเหตุการณ์นี้ จึงเป็นคติความเชื่อว่า การทำบุญปล่อยสัตว์จะช่วยสะเดาะเคราะห์ต่ออายุ  แต่การจะปล่อยสัตว์ให้ได้อานิสงส์อย่างเต็มกำลัง โดยหลักของการปฏิบัติ ต้องดูที่ "เจตนา" เป็นสำคัญ คือ มีเจตนาอันเป็นกุศล เพื่อช่วยเหลือสัตว์ให้พ้นจากความตายอย่างแท้จริง ไม่ได้หวังผลตอบแทนให้กับตนเอง  ด้วยเจตาอันเป็นกุศลนี้เอง จะทำให้เกิดอานิสงส์มหาศาล

เห็นได้จากกรณีของ สามเณรติสสะ ที่มีความประสงค์ช่วยเหลือสัตว์ให้พ้นจากความตาย ไม่ได้มุ่งหมายว่าการกระทำครั้งนี้จะต่ออายุของตน  แต่กฎแห่งกรรมก็ทำงานด้วยตัวของมันเอง คือ ทำสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น  ให้ทานชีวิต ก็ย่อมได้ชีวิตเช่นกัน จึงเป็นเหตุให้สามเณรติสสะมีอายุขัยที่ยืนยาวออกไป

การทำบุญปล่อยสัตว์ให้ได้อานิสงส์มาก จึงจำเป็นต้องมีเจตนา ที่ไม่เจือด้วยความโลภ อยากได้สิ่งใดตอบแทนจากการทำบุญ  เพราะการปล่อยสัตว์เพื่อมุ่งหวังให้เป็นการต่อชะตาอายุ เป็นการทำบุญเพื่อหวังผลตอบแทนให้แก่ตน  ทำให้อานิสงส์น้อยลงตามลำดับของการตั้งเจตนานั่นเอง   

การทำบุญปล่อยสัตว์ ทำได้ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องรอให้ชะตาขาดหรือเทศกาลใดๆ  แต่ให้ตั้งเจตนาอันเป็นกุศลไว้ ไม่ต้องหวังผล เพราะในที่สุดผลของการกระทำก็ย้อนเข้าสู่ตัวผู้กระทำเอง ยิ่งละความอยากได้ในสิ่งตอบแทนมากเท่าไหร่ อานิสงส์ก็ย่อมมากเท่านั้น   โดยอานิสงส์ของการทำบุญปล่อยสัตว์คือ เป็นผู้มีอายุยืน โรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่จะบรรเทาลง ชีวิตเป็นสุขเพราะไม่ถูกใครเบียดเบียน

สำหรับการปล่อยสัตว์นั้น มีข้อควรปฏิบัติ คือ  ถ้าต้องการปล่อยปลา ควรเป็นปลาที่กำลังจะถูกฆ่า เช่น ปลาในตลาดสด เพราะต้องถูกฆ่าอยู่แล้วในแต่ละวัน แต่ถ้าเห็นปลาถูกกังขัง เห็นนกถูกใส่กรงเร่ขาย มีเจตนาในการช่วยให้เขาเป็นอิสระ ก็สามารถทำได้ทันที ตามกำลังใจของเรา ส่วนสถานที่ปล่อยปลา ต้องพิจารณาประเภทของปลา เช่น ปลาไหล จะต้องขุดรูอยู่ ควรปล่อยในหนอง บึง ที่มีน้ำนิ่ง และมีดินให้ปลาได้ขุดรูอาศัย,  ปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอ ก็มักอาศัยในน้ำนิ่ง หรือกระแสน้ำที่ไม่เชี่ยวแรง ส่วนเต่า จะอาศัยได้ในน้ำนิ่ง และควรมีที่แห้ง  มีโขดหิน มีดิน ให้ได้พักอาศัย   ห้ามปล่อยเต่าลงในแม่น้ำที่มีกระแสน้ำแรงๆเพราะเต่าไม่สามารถอยู่ได้  ทั้งนี้ในสัตว์อื่นๆก็ควรพิจารณาหาสถานที่ให้เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ เพราะจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงเจตนาและกำลังใจของผู้ประกอบบุญด้วย 

หลังจาก “ปล่อยสัตว์” แล้ว สิ่งที่ต้องทำมากที่สุด คือ  “ปล่อยวาง” อย่ากลัวว่าสัตว์นั้นๆ จะถูกจับมาฆ่าอีกหรือไม่?  เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แม้ตัวเราเองก็หนีไม่พ้นกรรม?!

 

ปล่อยสัตว์ต่ออายุขัย โรคภัยไม่เบียดเบียน! เปิดวิธีทำบุญปล่อยสัตว์รับปีใหม่ไทย  ทำอย่างไรจึงจะเห็นผลและเกิดอานิสงส์มาก?

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก : http://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=12857

เครดิตภาพ : วัดป่าโนนวิเวก, นะโม พุทธายะ