- 20 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
การใช้ชีวิตคู่สามีภรรยาที่ต้องใช้ศีลเป็นเครื่องกำกับแล้ว การอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข ย่อมประกอบไปด้วยอีกหลากหลายปัจจัย โดยหนึ่งในนั้น คือ หน้าที่ที่ต้องปฏิบัติต่อกัน ทั้งสามีและภรรยา ดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สิงคาลกสูตร ซึ่งว่าด้วยทิศ ๖ คือ บุคคล ๖ ประเภท และวิธีการปฏิบัติต่อบุคคลเหล่านั้น โดยหนึ่งในทิศ ๖ ก็คือ สามีและภรรยา ซึ่งควรปฏิบัติต่อกัน
พระพุทธองค์ตรัสไว้ดังนี้
“ ดูกรคฤหบดีบุตร ภรรยาผู้เป็นทิศเบื้องหลังอันสามีพึงบำรุงด้วย สถาน ๕ คือ ด้วยยกย่องว่าเป็นภรรยา ๑ ด้วยไม่ดูหมิ่น ๑ ด้วยไม่ประพฤตินอกใจ ๑ ด้วยมอบความเป็นใหญ่ให้ ๑ ด้วยให้เครื่องแต่งตัว ๑ ฯ”
“ดูกรคฤหบดีบุตร ภรรยาผู้เป็นทิศเบื้องหลังอันสามีบำรุงด้วยสถาน ๕ เหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕ คือ จัดการงานดี ๑ สงเคราะห์คน ข้างเคียงของผัวดี ๑ ไม่ประพฤตินอกใจผัว ๑ รักษาทรัพย์ที่ผัวหามาได้ ๑ ขยัน ไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง ๑ ฯ”
“ดูกรคฤหบดีบุตร ภรรยาผู้เป็นทิศเบื้องหลังอันสามีบำรุงด้วยสถาน ๕ เหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕ เหล่านี้ ทิศเบื้องหลังนั้น ชื่อว่า อันสามีปกปิดให้เกษมสำราญ ให้ไม่มีภัยด้วยประการฉะนี้ ฯ”
ดังคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ อธิบายได้ว่า
“ภรรยา” ผู้เปรียบได้กับ “ทิศเบื้องหลัง” ที่สามีควรทำหน้าที่และปฏิบัติต่อภรรยา 5 ประการคือ
ประการที่ 1 ยกย่องภรรยา หมายถึง การให้เกียรติแก่ภรรยาของตน ไม่ปิดบังซ่อนเร้น หากภรรยาทำความดี ก็ควรยกย่องชมเชยด้วยใจจริง หรือ หากกระทำความผิดก็ควรกล่าวตักเตือนกันด้วยดี และไม่ควรตำหนิติเตียนภรรยาต่อหน้าผู้อื่น อันจะทำให้ภรรยาต้องอับอาย
ประการที่ 2 ไม่ดูหมิ่นภรรยาของตน หมายถึง แม้ภรรยาจะเกิดในตระกูลที่ต่ำต้อยกว่าตน มีฐานะยากจน หรือด้อยการศึกษากว่า ก็ไม่ควรดูหมิ่น ให้ภรรยาต้องน้อยเนื้อต่ำใจ
ประการที่ 3 ไม่ประพฤตินอกใจภรรยา หมายถึง สามีไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตนในฐานะชู้สาว อันจะทำให้ครอบครัวต้องเดือดเนื้อร้อนใจ
ประการที่ 4 มอบความเป็นใหญ่ในบ้านให้ หมายถึง งานบ้านงานเรือน ต้องมอบความเป็นใหญ่ให้กับภรรยาเป็นผู้ดูแล
ประการที่ 5 มอบเครื่องแต่งตัวให้ตามโอกาสอันควร หมายถึง การให้ของขวัญ ให้เครื่องประดับต่างๆ ตามโอกาสอันสมควร ถือเป็นการยึดเหนี่ยวน้ำใจกันไว้อีกทางหนึ่ง
ส่วนภรรยาผู้เปรียบเสมือนกับทิศเบื้องหลัง ควร “อนุเคราะห์สามี” ด้วยการปฏิบัติต่อสามี 5 ประการ คือ
ประการที่ 1 จัดการงานดี หมายถึง การจัดงานบ้านงานเรือนให้เรียบร้อยสะอาดตา
ประการที่ 2 สงเคราะห์คนข้างเคียงสามี หมายถึง การสงเคราะห์ญาติมิตรของฝ่ายสามี ช่วยเหลือเกื้อกูลในสิ่งที่ทำได้
ประการที่ 3 ไม่ประพฤตินอกใจสามี หมายถึง การไม่ยุ่งเกี่ยวกับชายอื่นที่ไม่ใช่สามีของตนในทางชู้สาว อันจะนำความเดือดร้อนและความเสื่อมเสียมาสู่ครอบครัวและวงศ์ตระกูล
ประการที่ 4 รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ หมายถึง การรู้จักใช้เงินให้เป็นประโยชน์ รู้จักเก็บออม
ประการที่ 5 ขยันและไม่เกียจคร้าน หมายถึง ความขยันในกิจการงานที่ตนมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบด้วยดี และ ไม่เกียจคร้าน ไม่เอาแต่กิน เอาแต่นอน หรือเอาแต่เที่ยว
สำหรับอานิสงส์ของการสงเคราะห์สามีและภรรยานั้น มีอยู่หลายประการ เช่น ความรักจะยั่งยืนมั่นคง ไม่มีภัยอันจะเกิดแก่ครอบครัว ทั้งภัยภายในและภัยจากภัยนอก มีความปรองดองกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ทำให้ครอบครัวมีแต่ความสุขความเจริญ เป็นต้น ฉะนั้นหากสามีและภรรยารู้จักหน้าที่ของตนแล้ว การใช้ชีวิตคู่ก็จะเป็นสุข
อ้างอิงข้อมูลจาก : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สิงคาลกสูตร http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=11&A=3923&Z=4206
เครดิตภาพ : Napapawn