- 04 ก.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่จะมีเรืองราวต่างๆ ที่ผ่านมาหลายร้อยเรื่อง แต่ถูกบันทึกไว้ให้กับคนรุ่นหลังได้ค้นหา และอ่านเรืองราวซึ่งเป็นเรืองสำคัญในห้วงเวลานั้น และรับความสนใจ ของคนจำนวนมาก จึงได้ถูกบันทึกได้อย่างน่าสนใจของไทย ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ยินเรืองราวของคดีความ “เรียกค่าไถ่” ในวันนี้ทีมทางเจอดี จะนำท่านทั้งหลายไปรับรู้เรืองราวในอดีต ซึ่งหนึ่งในทั้งคงจะหนีไม่พ้นเรืองราวของ นาง กิ่งแก้ว ลอสูงเนิน
นาง กิ่งแก้ว ลอสูงเนิน ถูกประหารชีวิต วันที่ 13 มกราคม 1976 ข้อหาฆ่าคนตาย โทษประหารชีวิต โดยการยิงเป้า
โดยการยิงเป้า และเป็นนักโทษประหารหญิงคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ โดยการยิงเป้า สำหรับการยิงเป้าของไทยนั้น นักโทษถูกผ้าปิดตา และผูกติดกับเสาหลักรูปไม้กางเขนฟันหน้าเข้ากับกำแพง ไม่ว่าจะเป็นเอว หน้าอก ข้อศอกทั้งสองข้างต้องติดกับไม้กางเขนทั้งสองด้าน และข้อมือมีลักษณะพนมมือโอบรอบเสา ซึ่งต้องมัดให้แน่จนนักโทษขยับตัวไม่ได้ และจากนั้นก็ตั้งปืนไรเฟิลอัตโนมัติ ชี้ไปยังหัวใจบริเวณแผ่นหลังของนักโทษประหาร เมือถึงเวลาประหารเพชฌฆาตที่ อยู่ด้านหลังนักโทษจะทำการยิงกระสุนเข้าไป 15 นัดเข้าไปบริเวณที่ทำ เครื่องหมาย เพื่อให้นักโทษประหารตายทันทีไม่ให้ทรมานเกินไป
ภาพนางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน
วันนี้ทีมงานเจอดี ไปท้าวความถึงจุดเริ่มต้นของนาง กิ่งแก้ว ลอสูงเนิน
นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน เป็นชาวโคราช ซึ่งได้เดินทางไปหางานทำในกรุงเทพ และทำให้นางสาวกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน ได้มาเป็นพี่เลี้ยงของครอบครัวเด็กชายผู้เสียชีวิต และได้รับความไว้ใจจากครอบครัว ด้วยความที่นางกิ่งแก้ว เป็นคนซี่อสัตย์ และไว้ใจได้ทำให้ครอบครัวเชื่อใจกิ่งแก้ว และเลี้ยงดูเด็กชาย อย่างกับลูกของตัวเอง รักมากไปไหนพาไปด้วย และดูแลเอาใจใส่ เด็กชายเป็นดี ไปรับไปส่งที่โรงเรียน จนครูเชื่อใจในนางกิ่งแก้ว แต่แล้วนางสาวกิ่งแก้ว ที่สามีที่กินเหล้าเมายา
อยากได้เงินมาใช้ จึงตั้งใจจะเรียกค่าไถ่จากครอบครัวของเด็กชายที่นางกิ่งแก้วดูแลอยู่ นางกิ่งแก้ว ด้วยใจรักสามีจึงตัดสินใจจะทำตามสามี ด้วยมีญาติร่วมมือในการเรียกค่าไถ่ในครั้งนี้
ซึ่งวันที่เกิดเหตุนั้นนางกิ่งแก้วได้รับเด็กชายที่โรงเรียน ครูก็เชือใจนางกิ่งแก้ว ไม่ได้มีความเคืองแคลงสงสัยอะไร เพราะคูรเห็นนางสาวกิ่งแก้ว มารับเด็กชายคนนี้ทุกวัน แทนพ่อแม่ของเด็กชาย ทำให้ครูเชื่อใจ ต่อมานางกิ่งแก้ว ได้พาเด็กชายไปหาสามี และญาติ ที่รออยู่ตามจุดนัดหมาย ได้ทำการเรียกค่าไถ่จากพ่อแม่เด็ก โดยตามแผนการนั้นพ่อแม่เด็กโยนเงิน ออกจากรถไฟฟ้าที่กำลังแล่น และใกล้กับ ธงที่กำหนด ที่นี่ก็เกิดปัญหาขึ้น โดยการส่งมอบเงินเป็นตอนกลางคืน แล้วก็เกิดผิดพลาด เพราะด้วยเวลาที่เป็นกลางคืน มันทำให้มืดจนมองไม่เห็นจุดนัดหมาย ทำให้การตกลงก็สิ้นลง สามี และญาติด้วยโกรธแค้น ซึ่งในขนาดนั้นนางสาวกิ่งแก้ว พยายามห้ามสามีและญาติ แต่ไม่เป็นผล ทำให้นางกิ่งแก้ว ก็ตัดสินใจแทงเด็กตาย และนำศพไปฝัง เพื่ออำพรางคดี และการแยกย้ายกันหลบหนี กันไป แต่หลังจากได้ทำการชันสูตรศพ
พบว่ามีเศษดินในปอด แสดงให้เห็นว่า เด็กยังมีชีวิตอยู่ หลังจากฝังศพของเด็กชาย มันเป็นการกระทำของกลุ่มนางกิ่งแก้ว ในการฆาตกรรมเด็กชาย
ความจริงอีกด้านถูกเปิดเผย ซึ่งหลังจากนางกิ่งแก้วได้ถูกจับตัวแล้ว ความจริงก็เปิดเผยให้พัศดีในเรือนจำหลายคนเล่าว่า นางกิ่งแก้วรักเด็กคนนี้มาก รักเหมือนลูกของตน และเมื่อวันที่เด็กถูกสังหาร เป็นวันที่นางกิ่งแก้วไม่อยู่ ทางฝ่ายสามีจึงลงมือสังหารเด็กเสีย ฝ่ายนางกิ่งแก้วกลับมาและไม่พบเด็ก ก็รู้ได้ทันทีว่าอาจเกิดอันตรายกับเด็กคนนั้น นางจึงออกตามหาเด็กคน และมาพบรอยดินที่เหมือนพึ่งฝังเสร็จใหม่ นางกิ่งแก้วจึงลงมือขุดจนพบร่างเด็ก แต่ไม่ทันการเสียแล้ว เด็กหมดลมหายใจไปเสียก่อน นางกอดศพและร้องไห้อยู่พักนึง เป็นเวลาเดียวกับที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังบุกจับพอดี นางกิ่งแก้วจึงตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าคนตาย นี่คือคำสารภาพที่นางกิ่งแก้ว พูดกับพัสดีภายในเรือนจำ
พัสดีเล่าต่อว่า ขณะที่นางกิ่งแก้วโดนจองจำอยู่นั้น สุขภาพจิตของเธอแย่มาก ได้แต่ร้องไห้และพร่ำเพ้อว่า ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด อยู่อย่างนั้น ดั่งคนเสียสติ จนนักโทษในเรือนจำเกิดความเวทนานางกิ่งแก้วมาก และเป็นอย่างนี้อยู่ประจำ
ตำรวจจึงรวบหลักฐาน แล้วนำไปยืนต่อศาล แล้วมาถึงวันที่ตัดสินคดีความ ศาลตัดสินประหารชีวิตโดยการยิงเป้า นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน โดนข้อหา คดีฆ่าคนตาย แต่ก่อนจะถึงวันตัดสินคดี นางกิ่งแก้ว เอาแต่พูดว่า “ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ฆ่าเด็ก” เธอขอร้อง “ได้โปรดอย่าฆ่าฉัน ฉันไม่ได้ฆ่าเขา” เธอพูดซ้ำซากแบบนี้ตลอดเวลา นางกิ่งแก้ว มีอากาการทางจิตประสาท ทำให้เรือนจำต้องดูแลด้วยส่งพี่เลี้ยงคอยดูนางกิ่งแก้ว
จนมาถึงวันที่ประหารชีวิต
ภาพจากหนังสือพิมพ์ ถึงคดีนางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน
แต่แล้วมาถึงวันที่ 13 มกราคม 1976 วันที่นาง กิ่งแก้ว ลอสูงเนิน ประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า หลังจากนำนางสาวกิ่งแก้ว ขึ้นลานประหาร แล้วก็วางเป้าไปที่หัวใจด้านขวา แล้วก็ยิงไปทั้งหมด 15 นัด เพื่อไม่ให้นักโทษทรมาน แต่ปรากฏว่า นางกิ่งแก้ว ไม่เสียชีวิตลง ทำให้หมอเขาไปดูอาการ และนางกิ่งแก้ว พูดว่าพาไปหาหมอ พาไปหาหมอ แล้วหลังจากได้ดูอาการแล้ว หมอได้พบหัวใจของเธออยู่ด้านซ้าย ทำให้ต้องวางเป้าไปที่หัวใจด้านซ้าย และรีบยิง เพื่อให้นางกิ่งแก้ว พ้นจากความทรมานจากการประหารชีวิต และในเวลาต่อมา ก็จับสามีของนางสาวกิ่งแก้วได้ ชื่อ นายเกษม หรือ เสริม สิงห์ลา สามีของ นางกิ่งแก้ว โดนประหารชีวิตเหมือนกัน และอีกคนหนึ่ง นายปิ่น พึ่งญาติ หนีได้ ครั้งหลังสุด หลังจากเหตุคดีนี้ผ่านพ้นไปประมาณ 20 ปี ได้ข่าวว่านายปิ่น ได้ข่าวว่าไปบวชพระ บวชนานแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
(ซึ่งเป็นข้อมูลจาก pantip.com/thaispygadget.com)
ได้มีการกล่าวอ้าง จากบุคคลในเวลานั้น บอกว่านางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน เป็นผีที่หลอกหลอนคนที่อยู่บริเวณภายในเรือนจำ และรอบข้างเรือนจำ และผู้คนในบริเวณจะได้ยินเสียง ของนางกิ่งแก้ว พูดแต่ว่า “ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ “ จนเกิดไปความหลอน ทำให้ผู้คนแถวนั้น และนักโทษ ต่างหวาดกลัว มันเป็นเพียงเสียงกล่าวอ้าง ไม่สามารถยืนหยัดได้แน่ชัด หรือตรวจสอบได้ว่าเป็นเรืองจริงหรือไม่!!!
และข้อมลูหนึ่งที่ได้สืบค้นข้อมูลจากบทความ แฟนคลับ ยุทธ บางขวาง
ได้กล่าวว่า นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนินหรือรอสูงเนิน ( นามสกุลไม่แน่ชัด)
แล้วอีกข้อมูลที่น่าสนใจ คือ ไม่มีใครยืนหยัดได้ว่า นางกิ่งแก้วได้หลอกหลอนคนในเรือนจำ และคนรอบข้างรอบ อย่างทีได้มีคนกล่าวอ้างหรือไม่
แต่ เรืองราวต่อๆที่ถูกเล่าขนานกันมา ทุกอย่างไม่ได้สามารถพิสูจน์ความเชื่อนั้นได้ ในเรืองการหลอกหลอน ยังเป็นปริศนาให้ค้นหาต่อไป
แต่เราต้องให้ข้อมลูในสองด้าน เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น แต่ทุกอย่างที่ทางทีมเจอดีพยายามรวบรวมเนื้อหา ข้อมูล ที่น่าสนใจ ตามบทความ เว็บไซค์ ที่ได้กล่าวทั้งหมด
ขอบคุณ
ข้อมูลและภาพ pantip.com/thaispygadget.com/btsstation.com