- 26 ก.ค. 2562
วิบากกรรมของคนเป็นชู้ มีสิทธิ์เกิดเป็น “เปรตในหลุมขี้”?!
ความหิวโหยอย่างสุดแสนทรมาน ท่ามกลางภพภูมิอันต่ำช้า ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นผลแห่งวิบากกรรมชั่ว อันถูกเรียกขานว่า "เปรต" ก่อกำเนิดร่างกายที่น่าเกลียดน่ากลัว กลิ่นตัวเหม็นเน่า จะพูดบอกใครเขาว่าทรมานสักเพียงไหน? ก็หาใครช่วยเหลือได้ไม่ เหตุเพราะก่อกรรมทำเข็ญเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ สั่งสมอยู่เป็นอาจิณ โดยไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรมที่ได้กระทำลงไป ทั้งฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ มีวาจาทุจริต คือ พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดหยาบคาย พูดเพ้อเจ้อ ประพฤติผิดในกาม ดื่มน้ำเมาและเมรัย หรือการประกอบอกุศลกรรมต่างๆที่ทำไว้อย่างเพียงพอประจวบเหมาะกับภพภูมิของเปรต จนเป็นเหตุให้เมื่อตายจากความเป็นมนุษย์แล้ว ก็เกิดในภพภูมิของเปรตได้ในทันที หรือ บางรายหากทำบาปกรรมหนักๆ ก็อาจถึงขั้นตกนรก เมื่อหมดกรรมในนรกแล้ว เศษกรรมที่เหลืออยู่ก็นำพาให้เกิดมาเป็นเปรต
"เปรต" มีอยู่หลายประเภท หลายลักษณะตามผลของการกระทำบาปในแต่ละรูปแบบ จึงทำให้เปรตแต่ละประเภทมีร่างกายและความเป็นอยู่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่ไม่ต่างกันเลย คือ ความทุกข์ทรมาน ที่ต้องชดใช้ในภพภูมิเปรตไปจนกว่าจะหมดกรรม ดังที่ได้ยินได้ฟังจากคำบอกเล่าของปู่ย่าตายาย หรือแม้แต่ตัวอย่างจากในพระไตรปิฎกก็ตาม แต่กระนั้นมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม ไม่เชื่อในกฎแห่งกรรมว่ามีจริง จึงสร้างบาปก่อกรรมอยู่ร่ำไป เช่น การกระทำผิดศีลข้อสาม หรือ การประพฤติผิดในกาม เป็นชู้กับสามีภรรยาผู้อื่น ก็มีให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสถึงผลกรรมแห่งการล่วงศีลข้อสาม กาเมสุมิจฉาจาราฯ ไว้ใน “พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต ๑๐. สัพพลหุสสูตร” (http://www.84000.org/tipitaka/book/v.php?B=23&A=5127&Z=5167)
ใจความว่า
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาเมสุมิจฉาจารอันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว กระทำ ให้มากแล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็นไปในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย วิบากแห่งกาเมสุมิจฉาจารอย่างเบาที่สุด ย่อมยังศัตรูและเวรให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ ฯ"
หากแต่ในกำเนิดของเปรตสำหรับคนที่กระทำผิดศีลข้อสามนั้น ก็มีอยู่หลากหลายตัวอย่าง ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ คือ “เปรตหลุมขี้” หรือ “คูถนิมุคคเปรต” เป็นเปรตที่เกิดจากการประพฤติผิดในกาม เรื่องราวปรากฏใน “พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑ เรื่องคูถนิมุคคเปรต” ((http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=1&A=11214&w=%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%95)
ใจความว่า
“โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่
พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหา-
*โมคคัลลานะ ...
ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราช-
*คฤห์นี้ ได้เห็นคูถนิมุคคเปรตชาย ผู้จมอยู่ในหลุมคูถท่วมศีรษะ ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ... สัตว์นั้นเคยเป็น
ชู้กับภรรยาของชายอื่น อยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...”
อย่างไรก็ดี เปรตที่เกิดจากการกระทำผิดศีลข้อสามมีอยู่หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวิบากกรรมจะนำพาให้ผู้นั้นได้พบเจอ และแม้ว่าเรื่องเหล่านี้ จะเป็นความเชื่อที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่ถ้าความเชื่อนั้นหล่อหลอมขัดเกลาจิตใจให้มนุษย์อยู่อย่างไม่เบียดเบียนต่อกัน ก็ควรเชื่อมิใช่หรือ?!
อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมจาก : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต ๑๐. สัพพลหุสสูตร http://www.84000.org/tipitaka/book/v.php?B=23&A=5127&Z=5167
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑ เรื่องคูถนิมุคคเปรตhttp://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=1&A=11214&w=%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%95
เครดิตภาพ : Napapawn (สถานที่ถ่ายภาพ : แดนนรก ณ วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง)