- 05 ส.ค. 2562
เนื่องจากการนอน คือ การพักผ่อนที่ดีที่สุด เพราเมื่อนอนหลับสนิท จะทำร่างกายจะได้พักผ่อดังนั้นการดูแลรักษา ‘ที่นอน’ ของเราให้ใช้งานได้ยาวนานจึงจำเป็นมาก ส่วนปัญหาที่มักพบก็คือ
เนื่องจากการนอน คือ การพักผ่อนที่ดีที่สุด เพราเมื่อนอนหลับสนิท จะทำร่างกายจะได้พักผ่อดังนั้นการดูแลรักษา ‘ที่นอน’ ของเราให้ใช้งานได้ยาวนานจึงจำเป็นมาก ส่วนปัญหาที่มักพบก็คือ
1. ดูดฝุ่นกำจัดความสกปรก
ในเบื้องต้นคุณอาจจะทำความสะอาดที่นอนด้วยการใช้เครื่องดูดฝุ่น จัดการกับไรฝุ่นและความสกปรกก่อนก็ได้ แต่อย่าลืมถอดผ้าปูที่นอนออกก่อนทุกครั้งด้วยนะคะ จะได้กำจัดฝุ่นที่ฝังตัวเนียน ๆ บนฟูกได้อย่างสะดวก จากนั้นก็ค่อย ๆ ดูดฝุ่นที่นอนให้ครบทุกตารางนิ้ว เพียงแค่นี้ก็สามารถลดฝุ่น และความสกปรกไปได้ในระดับนึงแล้ว
2. กำจัดกลิ่นอับให้หมดไป
ที่นอนที่ไม่ได้ยกไปตากแดดบ่อยนัก ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร หากจะมีกลิ่นเหม็นอับตุ ๆ ลอยมากระทบจมูกคุณบ้าง และเมื่อคุณทนกลิ่นเหม็นบนที่นอนไม่ไหวแล้ว ก็จัดการเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตร D.I.Y. ด้านบนสักสูตร แล้วใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำยาเหล่านั้นมาเช็ดให้ทั่วที่นอน หรือจะใช้สเปรย์ดับกลิ่นมาฉีดบนที่นอนให้ทั่ว จากนั้นก็ผึ่งลมไว้ 2 วัน ก่อนจะปูผ้าปูที่นอน แล้วใช้นอนตามปกติก็ได้ อ้อ ! แต่ทางที่ดีควรซักผ้าปูที่นอนบ่อย ๆ และปล่อยให้แดดส่องมาถึงที่นอนบ้าง ที่นอนจะได้ไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์
3. เชื้อราบนที่นอนต้องกำจัดให้สิ้น
อะไรที่ถูกความชื้น และอยู่ในที่อับบ่อย ๆ คงไม่รอดพ้นต้องโดนเชื้อราคุกคามแน่นอน และถ้าที่นอนของคุณก็มีเชื้อรามาเยี่ยมเยือนบ้างแล้ว (สังเกตได้จากกลิ่นเหม็นอับบนฟูก) ก็คงถึงเวลาต้องยกฟูกนอนออกไปตากแดดจัด ๆ สักทีแล้วล่ะ แต่ก่อนจะยกที่นอนออกไปตากแดดกำจัดเชื้อรา คุณอาจจะฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อให้ทั่วฟูกนอน หรือผสมไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ กับน้ำอุ่นในปริมาณเท่า ๆ กัน แล้วมาเช็ดบนรอยเชื้อราก่อนก็ได้นะคะ นอกจากนี้คุณยังสามารถกำจัดเชื้อราออกจากที่นอนได้ง่าย ๆ ด้วยการดูดฝุ่นที่นอนให้ทั่วทั้ง 2 ด้านเลย
4.ปัญหาไรฝุ่นในที่นอน
ไรฝุ่น สาเหตุของโรคภูมิแพ้ จากการวิจัยทั่วโลก พบว่า ไรฝุ่น ถูกพบมากที่สุดบนที่นอนประมาณ 1,000,000 ตัวและมีปริมาณสารก่อภูมิแพ้จากตัวไรฝุ่นในปริมาณมาก วิธีกำจัดไรฝุ่น คือ การหมั่นซักผ้าปูที่นอนทุกอาทิตย์ และถ้าเป็นไปได้ควรซักด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 60 องศา เดือนละครั้ง หมั่นดูดฝุ่นในที่นอน รวมถึงไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในห้องนอน นอกจากนี้ การเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท โดยให้แสงแดดส่องถึงบริเวณที่นอน แนะนำว่าควรดึงผ้าปูที่นอนออกก่อน ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็จะสามารถช่วยลดแบคทีเรีย ลดกลิ่นอับ และฆ่าเชื้อโรคได้
5. กำจัดคราบเลือดให้ตรงจุด
คราบเลือดเป็นคราบที่ปรากฏตรงไหนก็กำจัดออกได้ยากทุกที่ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีซะทีเดียว เพียงแค่ผสมน้ำอุ่นกับเกลือเข้าด้วยกัน จากนั้นก็นำมาฉีดพ่นคราบเปื้อนให้ชุ่ม เกลือจะช่วยสลายคราบเลือด และทำให้โปรตีนในเลือดแตกตัว คราวนี้เราก็ใช้ผ้าสะอาดเช็ดคราบเลือดออกได้เลย
นอกจากนี้คุณยังสามารถกำจัดคราบเลือดโดยการผสมเบกกิ้งโซดา 2 ส่วน กับน้ำ 1 ส่วน คนให้เข้ากัน แล้วนำไปป้ายคราบเลือดทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นก็ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดเช็ดทำความสะอาดคราบให้หมดจด หรือคุณจะเลือกใช้วิธีชุบผ้าสะอาดกับส่วนผสมของน้ำยาทำซักผ้า 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำเย็น 2 ถ้วยตวง แล้วนำผ้าผืนนั้นไปเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดก็ได้เช่นกัน
6. ลองใช้น้ำยาทำความสะอาดชนิดเอนไซม์ดู
อย่างที่บอกว่าที่นอนเป็นของที่ใกล้ชิดเนื้อตัวเราไม่น้อย ดังนั้นน้ำยาทำความสะอาดประเภทสารเคมีต้องตัดออกให้หมด แล้วหันมาใช้น้ำยาทำความสะอาดจากธรรมชาติ หรือน้ำยาทำความสะอาดชนิดเอนไซม์ ซึ่งน่าจะปลอดภัยกว่า แถมเอนไซม์ที่ถูกสกัดมาเป็นน้ำยาทำความสะอาด ยังมีสรรพคุณในการย่อยสลายคราบเปื้อนบนที่นอนของเราได้ด้วย
7. น้ำยาประเภทไซตรัสก็แจ่ม
ถ้าคราบเปื้อนบนฟูกยังไม่มีทีท่าว่าจะลบหายไปง่าย ๆ ลองใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของไซตรัส หรือจะใช้น้ำมะนาวคั้นสดก็ได้เช่นกัน โดยนำมาเทลงไปบนคราบเปื้อนให้ชุ่ม ทิ้งไว้สัก 5 นาที จากนั้นก็ใช้ผ้าขาวซับน้ำออกให้หมด เสร็จแล้วทำความสะอาดด้วยสบู่ หรือน้ำยาล้างจานอีกครั้ง
8. ลบรอยเปื้อนจากคราบน้ำหวาน
ใครเคยทำน้ำหวานหกรดที่นอนคงใจหายแวบกันแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ แต่อย่ามัวตะลึงกันเลย รีบหากระดาษทิชชู หรือผ้าสะอาดมาซับคราบน้ำออกให้หมดดีกว่า แล้วก็ฉีดสเปรย์น้ำส้มสายชูลงบนผ้าอีกผืน เพื่อนำไปเช็ดคราบเปื้อนจากน้ำหวานออกให้หมด แต่ถ้าไม่ได้ผล ให้ลองชุบฟองน้ำกับรับบิ้งแอลกอฮอล์ให้ชุ่ม แล้วนำไปซับคราบเปื้อนเบา ๆ จนกว่าคราบจะหายไปก็ได้
9. ขจัดคราบเปื้อนด้วยน้ำยาสูตรอ่อนโยนต่อผิว
รอยเปื้อนที่ทิ้งหลักฐานอยู่บนที่นอน ทั้งคราบอาหาร หรือคราบเลือดเป็นวง ๆ เป็นปัญหาที่หลายคนแก้ไม่ตก เพราะจะใช้น้ำยาเคมีกำจัดคราบก็ดูจะรุนแรงกับที่นอนและผิวของเราจนเกินไป ถ้าอย่างนั้นลองใช้น้ำสบู่เช็ดคราบเลือด และคราบอาหารก่อนดีกว่า หรือคุณจะใช้แปรงสีฟันขัดเบา ๆ ร่วมด้วยก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ให้เปลี่ยนมาใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์เทลงไปบนคราบ (ถ้าเทตอนคราบเกิดใหม่ ๆ จะให้ผลดีมาก) วิธีนี้อาจไม่ทำให้คราบหายวับไปกับตา แต่จะช่วยสลายคราบได้ในระดับนึง ซึ่งคุณต้องใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดคราบอีกที
10. ขจัดกลิ่นฉี่ให้เกลี้ยง
ที่นอนของลูกน้อย หรือแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนเองก็เคยมีประสบการณ์ฉี่รดที่นอนกันบ่อย ๆ ซึ่งหากไม่อยากให้กลิ่นฉี่ติดทนนาน ต้องพยายามเช็ดที่นอนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นฉีดน้ำยาทำความสะอาดชนิดเอนไซม์ลงไปให้ทั่ว เสร็จแล้วก็โรยผงเบกกิ้งโซดาลงไปเพื่อดูดคราบน้ำออกมาให้หมด แต่ทางที่ดีคุณควรยกที่นอนไปตากแดดจัด ๆ ด้วย
11.ปัญหานอนไม่สบาย มีอาการปวดหลัง
สาเหตุของการปวดหลัง มีหลายสาเหตุ อาทิ ที่นอนยุบ ทำให้เกิดแอ่งเวลานอน หรือที่นอนนุ่มหรือแข็งเกินไปก็เป็นสาเหตุทำให้ปวดหลังได้ วิธีแก้ไขปัญหานี้เริ่มจากวิธีที่ง่ายที่สุด นั่นคือ การกลับด้านที่นอนซึ่งเราควรกลับด้านที่นอนทุกๆ 3 เดือน เพื่อป้องกันการคลายตัวของสปริง และการยุบตัวของที่นอน แต่หากยังไม่ได้ผล แนะนำให้แก้ไขด้วยการหาแผ่นรองนอน (Topper) มาปูทับ เลือกที่คุณภาพดี ก็จะช่วยให้นอนสบาย คลายอาการปวดหลังลงได้
ที่นอนของใครเริ่มไม่สะอาดเหมือนใหม่ก็คงไม่ค่อยน่านอนถ้าอย่างนั้นรีบจัดการทำความสะอาดที่นอนกันดีกว่าเนอะ จะได้ยืดอายุการใช้งาน ให้คุณหลับสบายบนที่นอนนุ่ม ๆ ไปได้อีกนาน ๆแต่อย่าลืมว่าอายุของการใช้งานที่นอนนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10 ปี ดังนั้นเมื่อถึงกำหนดแล้วก็จำเป็นต้องเปลี่ยนเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียที่ตามมา