- 21 ก.พ. 2563
หลายๆคนมักบ่นว่า "ปวดคอ-ปวดศีรษะ" โดยเฉพาะเวลาตื่นนอนต้นคอแข็งเกร็ง แทบจะขยับไม่ได้ หันคอไม่ได้ และบางครั้งศีรษะเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง และอาจมีอาการปวดร้าวลงที่แขนหรือสะบักด้วย อาการปวดคอจากการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ ซึ่งเกิดขึ้นในขณะตื่นนอนเรียกว่า "การตกหมอน"
หลายๆคนมักบ่นว่า "ปวดคอ-ปวดศีรษะ" โดยเฉพาะเวลาตื่นนอนต้นคอแข็งเกร็ง แทบจะขยับไม่ได้ หันคอไม่ได้ และบางครั้งศีรษะเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง และอาจมีอาการปวดร้าวลงที่แขนหรือสะบักด้วย อาการปวดคอจากการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ ซึ่งเกิดขึ้นในขณะตื่นนอนเรียกว่า "การตกหมอน"
เพราะมักพบว่า ศีรษะไม่ได้หนุนอยู่บนหมอน ตอนตื่นนอน กลางคืนในช่วงหน้าร้อน ความชื้นสูง และแทบไม่มีลมพัดโบกเลยถึงแม้จะนอนที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกเหงื่อก็ยังคงออกจนเหนียวตัว ทำให้นอนหลับไม่สนิท จึงนอนพลิกตัวไปมาทั้งคืน ทั้งนอนหงาย นอนตะแคงซ้าย ตะแคงขวา แม้กระทั่งนอนคว่ำ กว่าจะได้นอนหลับสนิทจริงๆ คงใกล้ฟ้าสาง ตี 4 ตี 5 ซึ่งนอนยังไม่ทันเต็มอิ่ม ก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเร่งรีบไปทำงาน
การนอนไม่หลับ เป็นปัจจัยสำคัญของอาการตกหมอน โดยเฉพาะการนอนหลับไม่สนิท นักวิทยาศาสตร์พบว่า ตลอดคืนที่เรานอนหลับ เราจะผ่านระยะนอนหลับไม่สนิทซึ่งไม่ได้ฝัน ระยะที่นอนหลับสนิทเป็นระยะที่ร่างกายได้พักผ่อนจริงๆ กล้ามเนื้อจะคลายตึง หลอดเลือดคลายตัวและสมองมีโอกาสได้จัดความคิดและสิ่งที่เรียนรู้ในตอนกลางวันให้เป็นระบบ ถ้าผู้ใดนอนหลับไม่สนิท หรือเมื่อเข้าสู่ภาวะฝันถูกปลุกให้ตื่นหลายๆ คืนติดต่อกัน ผู้นั้นอาจจะเกิดอาการคลุ้งคลั่งได้ ดังนั้น การนอนหลับไม่สนิทจะเกิดอาการเครียดอย่างหนัก และกล้ามเนื้อมีความตึงมาก ทำให้ปวดคอได้
การเป่าพัดลมไปยังบริเวณศีรษะและต้นคอ ถึงแม้ลมที่เกิดขึ้นจะทำให้บริเวณคอเย็นได้บ้าง แต่ขณะนอนหลับ การปรับตัวของร่างกายต่อการกระตุ้นจากภายนอก ขาดความสมดุล หลอดเลือดในบริเวณผิวหนัง และกล้ามเนื้อที่ลมเป่าจะหดตัวเพราะเย็นลง แต่หลอดเลือดที่บริเวณอื่นๆ ของร่างกายขยายตัว เพื่อคลายความร้อนออกจากร่างกาย จึงทำให้เราอาจเกิดอาการขนลุก กล้ามเนื้อคอเกิดการหดตัวอย่างกะทันหัน ทำให้ต้นคอแข็งเกร็ง
ลักษณะของหมอนที่เราใช้หนุน การนอนตะแคงนั้น หมอนควรมีลักษณะค่อนข้างสูงเท่าความกว้างของบ่าและแน่นไม่ยุบง่าย การนอนหงายควรใช้หมอนต่ำหรือหนุนที่บริเวณด้านหลังต้นคอเพื่อรักษาส่วนเว้าของกระดูกไว้ การนอนคว่ำควรใช้หมอนใหญ่สอดลงมาถึงทรวงอก เพื่อไม่ให้ศีรษะแหงนไปข้างหลังมากเกินไป จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ จากหมอนที่สูงในท่านอนตะแคงมาเป็นท่านอนหงาย อาจทำให้เกิดการกระตุกอย่างกะทันหัน
การนั่งสัปหงก กล้ามเนื้อด้านตรงข้ามจะหดตัวทันทีเพื่อกระตุกศีรษะให้ตั้งตรง ซึ่งเป็นปฎิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลันในภาวะที่ยังนอนหลับไม่สนิทกล้ามเนื้อคอจึงมีโอกาสฉีกขาดและเกิดการเกร็งตัวขึ้น ซึ่งเป็นการป้องกันตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอีก อาการตกหมอนที่เป็นผลจากการหดตัวของกล้ามเนื้อต้นคอ นอกจากทำให้หันคอไปมาไม่สะดวก เกิดอันตรายในการขับรถ หรือเกิดอาการปวดมากขึ้น เมื่อต้องขืนคออยู่ตลอด ภาวะการไหลเวียนของเลือดในกล้ามเนื้อที่หดตัวไม่คล่องทำให้มีอาการปวดล้ามากขึ้น เพราะขาดออกซิเจนและอาหาร อาการตกหมอนอาจเกิดอาการแทรกซ้อนที่ค่อนข้างรุนแรง คือ กระดูกคอเรียงตัวไม่ดีหมอนรองกระดูกถูกบีบให้แคบลง เป็นผลให้รากประสาทที่ออกจากบริเวณหมอนรองกระดูกถูกกดทับในข้างนั้น หรือถูกกระชากให้ยืดในด้านตรงกันข้ามจึงเกิดอาการชา หรือปวดร้าวลงที่สะบักหรือต้นแขน
ถ้าความสมดุลของกล้ามเนื้อทั้ง 2 ด้านของต้นคอเสียไป การเรียงตัวของกระดูกคอไม่อยู่ในลักษณะตรง หรือส่วนเว้าด้านหลังคอเสียไป การไหลเวียนของเลือดไม่ปกติ อาการปวดคอหรือตกหมอน ย่อมคงอยู่ หรือเป็นๆ หายๆ ดังนั้น วิธีการรักษาอาการตกหมอนจึงจำเป็นต้องปรับสภาพของร่างกายให้เข้าสู่ภาวะสมดุล โดยเริ่มจากการนอนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงพัดลม หรือลมของเครื่องปรับอากาศเป่าโดยตรงมาที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย นอนหงายโดยเอาผ้าขนหนูม้วนเป็นแท่งยาวสอดที่ด้านหลังต้นไว้ หมุนคอไปมาในท่านอนหงาย เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายออก หรืออาจต้องสวมใส่ปลอกคอในขณะทำงาน เพื่อให้กล้ามเนื้อมีโอกาสพักและซ่อมแซมตัวเอง
หลีกเลี่ยงการกินยาคลายกล้ามเนื้อ ควรมีโอกาสนอนพักอยู่ที่บ้าน และไม่ควรขืนศีรษะให้กลับเข้าตำแหน่งเดิม โดยผู้หวังดีที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งอาจทำให้อาการตกหมอนเป็นมากขึ้น และกระทบกระเทือนถูกรากประสาทได้
วิธีการรักษา
1.ประคบเย็น เมื่อเริ่มมีอาการปวดควรประคบเย็นบริเวณคอเพื่อช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อคอ การประคบเย็นอาจจะใช้แผ่นประคบเย็นสำเร็จรูป (Cold pack) หรือถุงใส่น้ำและน้ำแข็งอัตราส่วน 1:1 ประคบบริเวณคอประมาณ 15 – 20 นาที ทำซ้ำทุกๆ 2 ช.ม.
2.นวด นั่งฟุบกับโต๊ะหรือเตียง ให้ใช้มือข้างเดียวกับด้านที่ปวดคอ วางลงบริเวณศีรษะทางด้านหลัง กางนิ้วโป้งออก ใช้นิ้วโป้งกดคลึงบริเวณที่เจ็บที่สุดของลำกล้ามเนื้อ ดังรูป กดแรงพอประมาณให้รู้สึกตึงหรืออาจจะปวดเล็กน้อย กดค้าง 30 วินาทีแล้วผ่อนแรง กดซ้ำรวมระยะเวลา 3-5 นาที หรือจนรู้สึกว่าลำกล้ามเนื้อนิ่มลงหรืออาการปวดลดลง ทำวันละ1-2 ครั้ง1 อย่าคลึงแรงจนทำให้ปวดมากเพราะจะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวเพิ่มขึ้น
3.ยืดกล้ามเนื้อเบาๆ ก้มศีรษะ หันหน้า และใช้มือด้านตรงข้ามกับข้างที่มีอาการ โดยวางมือบนศีรษะ กดศีรษะลงให้รู้สึกตึงก้านคอเล็กน้อย ทำค้างไว้นับ 1-10 โดยจะรู้สึกผ่อนคลายที่กล้ามเนื้อคอบริเวณที่มีอาการ สามารถทำซ้ำได้ไม่เกิน 10 ครั้ง วันละ 3 รอบ ลองปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่กล่าวมาข้างต้น อาการปวดคอของท่านก็จะบรรเทาลงได้ด้วยตัวท่านเอง
ข้อควรระวัง
ไม่ควรกดบีบหรือยืดกล้ามเนื้อจนรู้สึกเจ็บเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวมากขึ้นและไม่ควรให้ผู้อื่นดัดคอหรือจับเส้นเด็ดขาด เพราะจะทำให้อักเสบและเรื้อรังได้ ถ้ายังไม่หายค่อย ๆ ฝึกออกกำลังกล้ามเนื้อหรือปรึกษานักกายภาพบำบัด
ปกติอาการปวดคอมักจะหายภายใน 1-2 วัน ถ้าอาการรุนแรงขึ้นหรือยังไม่หายสนิทให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรักษาให้ถูกต้อง
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีอาการ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อคอ อาการตกหมอนไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ปกติแล้วอาการเหล่านี้จะสามารถบรรเทาเองได้ภายใน 2-3 วัน อย่างไรก็ตามเมื่ออาการหายแล้ว เราควรหาต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดด้วย เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในครั้งต่อไป อย่าลืมว่า “สุขภาพที่ดี สร้างได้ง่ายๆ ด้วยตัวเราเอง”
อ้างอิงข้อมูลจาก กภ.วัลย์ลิกา ประเสริฐกุล , mahidol , thaihealth , ชีวจิต