- 23 ก.พ. 2563
"มะเร็งไฝ"เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดหนึ่ง โดยประชากรหญิงทั่วโลก 25 % และผู้ชาย 15 % เป็นโรคนี้ สำหรับไฝที่เสี่ยงกับการเกิดเป็นมะเร็งคือ ไฝที่เกิดขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วและกะทันหัน ส่วนถ้าเป็นไฝที่มีมาแต่เดิมก็จะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ขนาดโตขึ้น รูปร่างและสีเปลี่ยนไป
"มะเร็งไฝ"เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดหนึ่ง โดยประชากรหญิงทั่วโลก 25 % และผู้ชาย 15 % เป็นโรคนี้ สำหรับไฝที่เสี่ยงกับการเกิดเป็นมะเร็งคือ ไฝที่เกิดขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วและกะทันหัน ส่วนถ้าเป็นไฝที่มีมาแต่เดิมก็จะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ขนาดโตขึ้น รูปร่างและสีเปลี่ยนไป
โดยปกติมะเร็งผิวหนังส่วนใหญ่เกิดจากการโดนแสงแดดฉะนั้น การป้องกันคือการพยายามเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด โดยอาจจะใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดทั้งแขนและขาได้อย่างมิดชิด ใส่หมวกปีกกว้างและทาครีมกันแดดก่อนออกไปเผชิญกับแสงแดด แล้วหมั่นตรวจไฝในร่างกาย หากพบไฝหรือตุ่มสีที่น่าสงสัย ให้รีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยเร็วที่สุด
ทางการแพทย์ถือว่า "ไฝ" เป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ผิวหนัง แต่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย การกำจัดไฝในปัจจุบันจึงทำเพื่อความสวยความงามเท่านั้น แต่ก็มีเนื้องอกบางชนิดที่ดูแล้วมีลักษณะเหมือนไฝธรรมดามาก แต่ความจริงแล้วคือ มะเร็งไฝ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังถูกเซลล์มะเร็งคุกคามและต้องรีบกำจัดออกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การกำจัดมะเร็งไฝแบบผิดวิธีอาจทำให้เซลล์มะเร็งแตกตัวและลุกลามได้ เราจึงควรหมั่นสังเกตและแยกแยะไฝบนร่างกายว่าเป็นไฝธรรมดาหรือมะเร็งไฝมรณะกันแน่!
ไฝธรรมดา
"ไฝ" (Mole) เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ผิวหนังทั่วไป มักปรากฎเป็นจุดสีน้ำตาลหรือสีดำบนผิวหนัง อาจมีลักษณะนูนหรือแบนเรียบ มีทรงกลมหรือทรงรี และมักมีขนาดเส้นรอบวงประมาณ 5 มิลลิเมตร
"ไฝ"สามารถขึ้นได้บนผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย โดยส่วนใหญ่แล้ว ไฝธรรมดามักมีมาตั้งแต่กำเนิด หรือไม่เช่นนั้นก็มักเกิดขึ้นไม่เกินช่วงวัยกลางคน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสี ลักษณะ หรือรูปทรงในเวลาสั้นๆ ซึ่งถือว่าตรงกันข้ามกับมะเร็งไฝโดยสิ้นเชิง
มะเร็งไฝ
"มะเร็งไฝ" (Melanoma) คือ เซลล์มะเร็งที่มีจุดเริ่มต้นจากผิวหนังและมีลักษณะเหมือนไฝธรรมดามาก ซึ่งบ่อยครั้งก็มักเริ่มต้นจากการเป็นไฝธรรมดาก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็งไฝอย่างรวดเร็ว
มะเร็งไฝมักมีสีน้ำตาลหรือสีดำเหมือนไฝทั่วไป แต่ในบางกรณีก็พบว่ามีสีเดียวกับผิวหนัง บ้างก็มีสีขาว สีชมพู สีแดง สีม่วง หรือสีน้ำเงิน ซึ่งลำพังแค่สีเหล่านี้นั้นไม่เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าตุ่มเนื้อบนผิวหนังของเรานั้นเป็นไฝธรรมดาหรือมะเร็งไฝได้อย่างแน่นอน
การสังเกตมะเร็งไฝสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยใช้หลักการสังเกต ABCDEs ซึ่งเป็นอักษรย่อของ 5 ปัจจัยบ่งชี้มะเร็งไฝเมื่อเปรียบเทียบกับไฝธรรมดา ดังนี้
1. Asymmetry – รูปทรงไม่สมดุล
ไฝธรรมดา มีรูปทรงที่สมดุลกันไม่มากก็น้อย กล่าวคือ หากลองขีดเส้นแบ่งลงบนไฝด้วยตาเปล่า แล้วพบว่าด้านซ้ายนั้นมีลักษณะคล้ายกันกับด้านขวา หรือด้านบนมีลักษณะคล้ายกันกับด้านล่าง นั่นแสดงว่าไฝนั้นเป็นไฝธรรมดา ส่วน มะเร็งไฝ มีรูปทรงที่ไม่สมดุลกัน ไม่ว่าจะลองขีดเส้นแบ่งจากมุมใดก็ไม่มีท่าทีว่าทั้ง 2 ด้านจะมีลักษณะคล้ายกันได้เลย
2. Border – ขอบไม่เรียบ
ไฝธรรมดา มีเส้นขอบที่เรียบและสม่ำเสมอโดยทั่วกัน ในขณะที่ มะเร็งไฝ แทบจะไม่มีเส้นขอบ หรือถ้ามีก็ปรากฎเป็นเส้นที่ไม่สม่ำเสมอและขรุขระ
3. Color – สีไม่สม่ำเสมอ
สีของ ไฝธรรมดา มีเพียงสีเดียวทั่วทั้งไฝและมีความอ่อน-เข้มที่สม่ำเสมอกัน แต่ มะเร็งไฝ มักมีมากกว่าหนึ่งสีหรือมีความอ่อนเข้มที่ไม่เท่ากัน
4. Diameter – ขนาดผิดปกติ
ขนาดของ ไฝธรรมดา มักมีขนาดไม่เกิน 5 มิลลิเมตร ในขณะที่ มะเร็งไฝ มักมีขนาดตั้งแต่ 6 มิลลิเมตรขึ้นไป อย่างไรก็ตาม หากเป็นมะเร็งไฝที่เพิ่งก่อตัวขึ้นในช่วงแรกก็อาจมีขนาดเล็กเท่ากับไฝธรรมดาก็เป็นได้
5. Evolution – มีการเปลี่ยนแปลง
ปัจจัยบ่งชี้มะเร็งไฝที่สำคัญที่สุดก็คือในเรื่องของการเปลี่ยนแปลง ไฝธรรมดา จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับปัจจัยใดๆที่ได้กล่าวมาข้างต้น แต่ มะเร็งไฝ มักมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรูปทรง เส้นขอบ สี และขนาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสั้นๆ
หากพบว่าไฝบนร่างกายเข้าข่ายเป็นมะเร็งไฝ แนะนำให้พบแพทย์ทันทีเพื่อขอรับการวินิจฉัยและขอรับการรักษาที่ถูกต้อง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : honestdocs.co/mole-cancer, โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า