- 27 ก.ย. 2563
เผย 5 เมืองบาดาลอันศักดิ์สิทธิ์ ตำนานพญานาค
สำหรับชาวพุทธแล้ว“พญานาค”ถือเป็นเรื่องที่ถูกเล่าขานกันมานานทั้งในพุทธประวัติก็ดี ตลอดจนเรื่องราวจาก บรรดาเกจิอาจารย์ หลายรูปก็ดี จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะกล่าวว่า “พญานาค” ถือเป็นส่วนหนึ่งสำหรับชีวิตของคนไทยและอีกหลาย กรณีที่เกิดขึ้นจากความเชื่อความศรัทธา จากความเชื่อและความศรัทธาของทั้งพี่น้องชาวไทยและชาวลาวเกี่ยวกับองค์พญานาค ที่คอยดูแลปกปักษ์รักษาผู้คน
คำชะโนด อุดรธานี
ป่าคำชะโนด หรือ เมืองชะโนด หรือ วังนาคินทร์คำชะโนด ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ตำบลวังทอง, ตำบลบ้านม่วง และตำบลบ้านจันทร์ ใน อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นป่าที่มีลักษณะเหมือนเกาะแม่น้ำในอ่างเก็บน้ำกุดขาม ขึ้นอยู่กลางทุ่งนา เต็มไปด้วยต้นชะโนด ซึ่งเป็นพืชจำพวกปาล์ม ความยาวประมาณ 200 เมตร[1] ป่าคำชะโนดเป็นสถานที่ ๆ ปรากฏในตำนานพื้นบ้าน เป็นสถานที่ ๆ เชื่อว่า เป็นที่สิงสถิตของพญานาค ปู่ศรีสุทโธ ย่าศรีประทุมมา และสิ่งลี้ลับต่าง ๆ บ่อยครั้ง
ชาวบ้านในละแวกนั้นจะพบเห็นชาวเมืองชะโนดไปเที่ยวงานบุญพระเวสสันดร รวมถึงหญิงสาวที่มายืมเครื่องมือทอผ้าอยู่เป็นประจำ และเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงที่อำเภอบ้านดุง แต่น้ำก็ไม่ท่วมบริเวณคำชะโนด เมื่อระดับน้ำลดลง คำชะโนดก็ยังคงอยู่เช่นเดิม
ราชาพญานาค "นาคชัยยัญ" แรงบัลดาลใจในการก่อสร้างนาคปก9เศียรและถ้ำเมืองบาดาลจำลองในปี พ.ศ. 2550 เป็นปีที่ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ครบรอบการก่อตั้งเมืองครบ 100 ปี
ในคืนหนึ่ง เจ้าอาวาสวัดไทยได้นิมิตว่า มีหญิงชาย ร่างกายสีดำมานิมนต์ให้สร้างสัญลักษณ์ประจำเมืองบาดาล หรือเมืองพญานาคไว้เมืองมนุษย์ ณ บริเวณ วัดไทย ท่านเจ้าอาวาสจึงดำริสร้างสิ่งแทนโลกบาดาล
ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน เชียงราย
วนอุทยาน ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตั้งอยู่ที่ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน มีเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ มีตำนานเล่าว่า ได้มีพญานาคตัวหนึ่งออกตามหาลูกสาว ที่ถูกพญาครุฑลักพาตัวไป จนพบลูกสาวนอนอยู่ตรงบริเวณที่เป็นต้นน้ำ ปัจจุบันเรียกว่า “ขุนน้ำนางนอน”
พญานาคขอลูกสาวคืน แต่พญาครุฑขอแลกกับทองคำ ทุกวันนี้แหล่งน้ำที่พญานาคนำทองคำขึ้นจากบาดาลนั้นเรียกว่า “หนองตานาค” บริเวณที่พญานาคส่งทองคำให้พญาครุฑเรียกว่า “หนองละกา” ส่วนทองคำถูกนำไปเก็บไว้ที่ “ถ้ำทรายทอง” และพญานาคยังได้สร้างเจดีย์ เป็นอนุสรณ์ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “พระธาตุจอมนาค” จนถึงปัจจุบัน
จากความเชื่อในเรื่อง “พญานาค” สำหรับชาวพุทธแล้วถือเป็นเรื่องที่ถูกเล่าขานกันมานานทั้งในพุทธประวัติก็ดี ตลอดจนเรื่องราวจาก บรรดาเกจิอาจารย์ หลายรูปก็ดี จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะกล่าวว่า “พญานาค” ถือเป็นส่วนหนึ่งสำหรับชีวิตของคนไทยและอีกหลาย กรณีที่เกิดขึ้นจากความเชื่อความศรัทธา จากความเชื่อและความศรัทธาของทั้งพี่น้องชาวไทยและชาวลาวเกี่ยวกับองค์พญานาค ที่คอยดูแลปกปักษ์รักษาผู้คนในแถบลุ่มน้ำโขงและองค์พระธาตุพนม กล่าวคือ ทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวต่างมี กษัตริย์แห่งนาคราช หรือ นาคาธิบดี แยกปกครองดูแล ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะ แตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือ มีลักษณะตัวเป็นงู ตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี ๗ สี และที่สำคัญคือ ตระกูลธรรมดำองค์ท่านจะมีเศียรเดียว แต่ถ้ำตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมี ๓ เศียร ๕ เศียร ๗ เศียร และ ๙ เศียร พญานาคจำพวกนี้องค์ท่านจะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของ องค์พระวิษณะนารายณ์ ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร อนันตนาคราช เล่ากันว่าองค์ท่านจะมีกายที่ใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มี ๑๐๐๐ เศียร ท่านเกิด ทั้งในน้ำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทธิฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้
และท่านสามารถจะแปลงร่างเป็นเทพบุตรหรือเทพธิดารูปร่างสวยงาม ฝั่งลาว คือ พญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) ซึ่งเชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งลาว เป็นพญานาคเจ็ดเศียร ฝั่งไทย คือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) เป็นกษัตริย์พญานาคฝั่งไทย เป็นพญานาคหนึ่งเศียรพญาศรีสุทโธ ท่านชอบ จำศีลบำเพ็ญเพียร และปฏิบัติธรรม มีนิสัยอ่อนโยนมีเมตตา ไม่ชอบการต่อสู้ ชอบมาปฏิบัติธรรม ที่พระธาตุพนม โดยมอบหมาย ให้เหล่าพญานาค 6 อำมาตย์ดูแลแทน ในระหว่างที่หลบมาจำศีลภาวนา พญาศรีสัตตนาคราช เป็นใหญ่เหนือพญานาคทั้งปวงในฝั่งลาว เป็นพญานาคที่ทรงฤทธิ์ ท่านเป็นพญานาคที่ชอบจำศีลและประพฤติ ปฏิบัติธรรมเหมือนพญาศรีสุทโธนาคราช โดยชอบมาที่วัดพระธาตุพนมเหมือนกัน ทำให้พญานาคทั้ง 2 องค์ กลายเป็นเพื่อนที่สนิท สนมกัน ตามคำกล่าวของหลวงปู่คำพันธ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุมหาชัยกล่าว่า ส่วนใดที่อยู่ใกล้ต้นน้ำลำธาร หรือหากมีพิธีกรรม อันใดเกิดขึ้น ให้อัญเชิญบอกกล่าวแก่เหล่าพญานาค พิธีกรรมนั้นจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก จึงเป็นที่มาของพญาศรีสัตตนาคราช ริมโขง เพื่อคุ้มครองปกปักษ์รักษาพี่น้องชาวนครพนม
วัดแก้วจักรพรรดิสิริสุทธาวาส ขอนแก่น
มีเรื่องเล่าว่า ก่อนที่พระครูใบฎีกาผาสุข ฐานวีโร จะลงมาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ คืนวันที่ 31 มีนาคม 2557 คนแก่ในหมู่บ้าน เกิดนิมิตอัศจรรย์ในค่ำคืนนนั้นว่ามีพญานาคลำตัวใหญ่สีขาว เลื้อยมาเป็นวงกลมเหนือวัดบนท้องฟ้า พอรุ่งขึ้นต่อมา ท่านพระครูใบฎีกาผาสุขฐานวีโร ก็ได้มาจำพรรษา ณ วัดแห่งนี้ โดยตั้งจิตอฐิฐานว่าหากสถานที่แห่งนี้จะมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาคหน้าขอให้เกิดนิมิตรหมายที่ดี หลังจากตั้งจิตอฐิฐานผ่านไปเพียง 2 วัน ก็เกิดพายุฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ทันใดนั้นก็มีหลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นตรงหน้าพระปรางค์เปิดโลกในปัจจุบันน้ำฝนที่ท่วมไหลมารวมกันลงในหลุมนั้นทั้งหมด โดยไม่ทราบสาเหตุว่าไหลต่อไปไหนจากนั้นก็มีผู้คนในหมู่บ้านนิมิตเห็นพญานาคสีขาวเป็นประจำ นั้นคือนิมิตหมายแห่งความดีงามที่จะเกิดขึ้น
ต่อมาหลังจากนั้นท่านพระครูใบฏีกาผาสุข ฐานวีโร ก็นำพาญาติโยมทำศาสนกิจ สวดมนต์ ไหว้พระ เป็นประจำ แล้วพระครูได้อฐิฐานจิต ขอบารมีไปถึงสมเด็จองค์พระปฐมพุทธสิกขีทศพลที่ 1 หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เหล่าเทวนาคราชทั้งหลาย ว่าจะขอสร้างและบูรณะสถานธรรมแห่งนี้ ให้เป็นศูนย์รวมจิตใจแก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงได้นิมิตหมายด้วยมหาบารมีของสมเด็จองค์ปฐมสิกขีทศพลที่ 1 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เหล่าเทวนาคราชแผ่ไพศาลอย่างไม่มีประมาณ เริ่มทำการก่อสร้างเมื่อ 17 พฤษภาคม 2557 ในนามชื่อ ''วัดแก้วจักรพรรดิสิริสุทธาวาส" ดินแดนสีขาวนาคราชบำเพ็ญธรรม เชื่อว่า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีดวงจิตนาคราชแห่งการบำเพ็ญดวงจิตสีขาวสถิตย์อยู่ มีเสาหลักเมืองบาดาลเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างภพภูมิ เพื่อให้เหล่าลูกหลาน ได้มาขอพร ขอโชคลาภ เบิกทรัพย์สมบัติ