- 17 ส.ค. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เมื่อเวลา 10.10 น.วันที่ 17 สค พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ แสนวงษ์สิริ ผกก.สภ.ท่าเรือ พ.ต.อ.ภัทรภัทร นุชยวง พ.ต.อ.ไพโรจน์ ตรีโสภณ ผกก.สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี พร้อมกำลังตำรวจจำนวนเกือบ 100 นาย นำตัวนายพลกฤต หรือเอส วิเศษ ผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าน้องพลอย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
จุดแรกบริเวณภายในปั๊มน้ำมันปตท.ริมถนนสายท่าเรือ ท่าลาน หมู่ 7 ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจุดที่นายพลกฤต หรือเอส มาจอดรถยนต์เก๋งสีดำยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน2 กย 2118 กทม.รออยู่ใกล้กับทางขึ้นห้องน้ำภายในปั๊มน้ำมัน มีประชาชนมารอคอยดูการทำแผน โดยเฉพาะนางพัชรี ปั้นทอง และนายรณณรงค์ แก้วเพชร ทนายความ มายืนสังเกตการณ์พร้อมกับญาติอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นจุดที่นายพฤกฤต โทรศัพท์ติดต่อกับน้องพลอย เพื่อให้ออกมาพบ ซึ่งใช้เวลาการทำแผนในจุดนี้ประมาณ 40 นาที เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกันประชาชนที่พยายามเข้าไปประชาทัณท์ผู้ต้องหา แต่ก็ไม่มีเหตุอะไร
นางพัชรี เปิดเผยว่ามาถึงวันนี้รู้สึกดีใจที่ทำให้ลูกได้ สามารถจับกุมตัวคนผิดมาให้ลูก แต่ก็ยังมีข้อติดใจหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังมีผู้ร่วมทีมอุ้มน้องพลอย แต่ยังไม่สามารถพูดได้ ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางด้านนายรณณรงค์ ทนายความ ก็บอกในลักษณะเดียวกันว่า ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีก ซึ่งงานนี้มีผู้เกี่ยวข้องอย่างน้อยอีก 3 คน เนื่องจากมีพยานยีนยันว่าเห็นกลุ่มของนายเอสมาด้วยกัน 3 คน ซึ่งพยานที่เห็นก็ไม่ได้มีคนเดียว และมีเหตุที่ทำให้เห็นกลุ่มของนายเอส ซึ่งเชื่อมั่นว่าตำรวจจะสาวไปถึง ส่วนที่ผ่านมา ตำรวจบอกว่านายเอสหลบหนีได้เพราะมีความรู้ด้านไอทีนั้น อยากให้ยอมรับความจริงว่า การสืบสวนเพื่อไปจับกุมครั้งแรกนั้นดำเนินการไปเยอะแล้ว แต่ต้องชะงักเพราะว่าตำรวจไปเจอตอ ทำให้คดีไม่คืบ ซึ่งก็เข้าใจ และมาถึงตอนนี้ก็ถือว่าทำงานได้ดีแล้ว แต่อยากให้ทำต่อไป
จากนั้นได้นำตัวออกจากจุดแรกไปยังจุดที่สองบริเวณปากซอย เยื้องกับหน้าโรงงานซีพีเอฟ ประเทศไทยจำกัด มหาชน ซึ่งเป็นโรงงานผลิตอาหารสัตว์บก อยู่ห่างจากปั๊มประมาณ 50 เมตร โดยนายเอส ขับรถมาจอดรอน้องพลอย ซึ่งถอยเข้าไปริมถนนหันหน้ารถออกถนน จุดนี้เมื่อน้องพลอยมาถึง นายเอสได้ยกรถจักรยานที่น้องพลอยขี่มาขึ้นเบาะหลัง และน้องพลอยได้ขึ้นตามไปด้วย โดยนั่งที่เบาะหลัง ก่อนที่นายเอส จะขับรถออกไป ซึ่งจุดนี้เอสบอกว่าน้องพลอยเต็มใจขึ้นรถโดยไม่ได้มีการขัดขืน จึงขับรถไปตามถนนสายท่าเรือท่าลาน มุ่งหน้า สระบุรี ก่อนที่จะเกิดปากเสียงและลงมือสังหารด้วยการบีบคอบนรถ
ก่อนที่จะนำตัวนายเอส ออกจากจุดที่สองปรากฏว่าประชาชนที่มาล้อมมุงดูจำนวนหลายร้อยคน พยายามเข้าไปประชาทัณท์นายเอส ตำรวจต้องรีบนำตัวขึ้นรถ ขณะที่ประชาชนพยายามล้อมรถจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปผลักดันเป็นเวลานานกว่า 20 นาที ในจังหวะนี้เองนายวิชา ผลิผล พ่อของน้องพลอยได้เดินแหวกคนเข้าไปข้างรถ เพื่อเข้าไปขอคุยกับนายเอส ด้วยความโกรธ โดยบอกว่ารู้สึกเสียใจที่ทำลูกพ่อ แล้วทำไมต้องทำลูกพ่อ น้องพลอยมีความผิดอะไร หลงไว้เนื้อเชื่อใจลูกมาตลอดทำไมทำอย่างนี้ ซึ่งนายเอสได้ยกมือไหว้ และพูดคำเดียวว่าขอโทษครับ โดยสังเกตเห็นสีหน้ามีน้ำตาซึมและเคร่งเครียด จากนั้นนางพัชรี ก็เข้าไปพูดว่า รักลูกแม่ทำไมต้องฆ่าลูกแม่ด้วย ทำไมทำอย่างนี้ ซึ่งก็ไม่มีคำตอบจากนายเอส มีแต่การยกมือไหว้ขอโทษเช่นเดียวกัน จากนั้นตำรวจก็ปิดกระจกรถนำตัวออกจากจุดทำแผนจุดนี้
ชาวบ้านที่มาเฝ้าดูการทำแผนต่างบอกว่านางพัชรีกับลูกสาวเป็นคนน่ารัก นางพัชรีทำงานที่โรงงานมานานแล้ว ในฝ่ายแจกตั๋วรับสินค้าส่วนน้องพลอยมาทำงานฝ่ายผลืต ชาวบ้านหลายคนจะเห็นน้องพลอยมาใส่บาตรกับแม่ทุกเช้า ซึ่งหลังจากน้องพลอยหายตัวไป นางพัชรก็พยายามตามหาลูก ด้วยการเดินเปิดรูปของน้องพลอยให้เพื่อนๆพนักงานดูว่าเคยเห็นลูกสาวมั้ย และนั่งรถไฟฟรีเข้าไปตามหาและร้องเรียนตามที่ต่างๆ รวมทั้งบางครั้งก็อาศัยรถขนส่งสินค้าของบริษัทไปกรุงเทพเพื่อติดตามเรื่อง เนื่องจากเป็นรถฟรี นับเป็นความพยายามของแม่ที่ตามหาลูก จนมาถึงวันนี้
ภาพ/ข่าว เกียรติยศ ศรีสกุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.พระนครศรีอยุธยา