- 06 ส.ค. 2561
เตือนภัย! แบงก์กสิกรโดนแฮ็ก ขโมยข้อมูล ลูกค้า 3,000 ราย (รายละเอียด)
เมื่อวันที่ (01/08/2561) นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารพบว่ามีข้อมูลรายชื่อลูกค้าองค์กรของธนาคารประมาณ 3,000 ราย ที่ใช้เว็บที่ให้บริการหนังสือค้ำประกัน อาจหลุดออกไปภายนอก ซึ่งเมื่อธนาคารทราบเรื่องได้ดำเนินการปิดช่องโหว่ทันที และได้เพิ่มระดับการเฝ้าระวังและป้องกันให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดข้อมูลรั่วไหลอีก สำหรับข้อมูลที่อาจจะหลุดไปเป็นข้อมูลสาธารณะทั่วไปเฉพาะของลูกค้าที่ใช้บริการหนังสือค้ำประกันผ่านช่องทางเว็บเท่านั้น อาทิ ชื่อบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อมูลสำคัญด้านธุรกรรมหรือการเงินของลูกค้า จึงไม่น่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงโจรกรรมได้
นายพิพิธ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบว่าเกิดความเสียหายกับลูกค้ารายใด จากนี้ธนาคารจะยังเฝ้าระวังความผิดปกติของบัญชีลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับสาเหตุเบื้องต้นน่าจะเกิดจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความพยายามที่จะเจาะเข้าระบบของหน่วยงานต่างๆ มาตลอด สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ ธนาคารฯ ได้รายงานให้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับทราบแล้ว ทั้งนี้ ธนาคารมีแผนที่จะแจ้งให้ลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทราบเป็นรายองค์กร หากลูกค้าตรวจพบความผิดปกติของธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง ธนาคารพร้อมรับผิดชอบและให้ความช่วยเหลือ โดยลูกค้าสามารถติดต่อมายัง K-Biz Contact Center 02-8888822 ตลอด 24 ชั่วโมง
เบื้องต้น คาดเป็นฝีมือกลุ่มแฮกเกอร์ ที่พยายามเจาะเข้าระบบหน่วยงานองค์กรต่างๆ มาโดยตลอด จากการตรวจสอบยังไม่พบความเสียหายกับลูกค้ารายใด และธนาคารได้ยกระดับการป้องกันระบบอย่างเข้มข้นแล้ว
ขณะที่นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า แฮกเกอร์ พยายามเจาะข้อมูลคำขอสินเชื่อลูกค้ารายย่อยที่สมัครสินเชื่อที่อยู่อาศัย ผ่านระบบออนไลน์ของธนาคาร จำนวน 120,000 คน ยืนยันว่าไม่พบความเสียหายทางการเงินใดๆ
ด้าน นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าธปท. ได้สั่งการและกำชับให้ธนาคารทั้งสองแห่งยกระดับมาตรการป้องกันภัยทางไซเบอร์อย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น และดูแลไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งสื่อสารให้ลูกค้าที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้รับทราบ ทั้งนี้ ธปท. ได้กำชับให้ธนาคารทั้งสองแห่งเตรียมมาตรการเยียวยาลูกค้า หากเกิดความเสียหาย รวมทั้งได้แจ้งสถาบันการเงินทุกแห่งปิดช่องโหว่ดังกล่าวและเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย