- 22 ม.ค. 2562
บุญคุณใช้ไปหมดแล้ว" คำพูด "บุญทรง" ที่ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เยาวภา" ต้องจำจนวันตาย
อีกหนึ่งประเด็นร้อนฉ่าที่มีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และต้องติดตามกันอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่เรียกว่า ต้องไม่ให้คลาดสายตากันเลยทีเดียวเชียว จากกรณี เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นบุคคลหลบหนีคำพิพากษาจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำคุก 5 ปี จากคดีปล่อยทุจริตจำนำข้าว ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ "@PouYingluck"
ระบุว่า "ตามที่มีข่าวพาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าดิฉันสนับสนุนและเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น ดิฉันขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะการดำเนินการดังกล่าวเป็นเรื่องกิจการของพรรคที่ต้องไปคัดสรรผู้เหมาะสมกันเอง และปัจจุบันดิฉันก็มีงานอื่นที่ต้องทำและรับผิดชอบเป็นจำนวนมากประกอบกับสิ่งที่ดิฉันได้รับในอดีตที่ผ่านมาก็ถูกกระทำเจ็บช้ำมากพอแล้วค่ะ"
จากกรณีดังกล่าวก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันหมู่มาก สำหรับประโยคที่ว่า "ในอดีตที่ผ่านมาก็ถูกกระทำเจ็บช้ำมากพอแล้วค่ะ" ซึ่งคงไม่ใช่ตัวเธอเองเป็นแน่! เพราะเมื่อเธอหลบหนีคดีไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนแล้ว เธอดูจะสุขสบายดี ใช้ชีวิตหรูหรา กินดีอยู่ดี ท่าจะมีความสุขเอามากๆ ซึ่งแตกต่างกับคนที่เธอเคยหักหลังไว้อย่างเจ็บแสบ อย่าง "นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ถูกศาลพิพากษาสั่งจำคุก เป็นเวลาถึง 42 ปี ในคดีทุจริตการจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี
อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดกระแสข่าว ที่ประชุม กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยขยายข้อมูลจาก "พ.ต.นพ.วีระวุฒิ" และ "นายบุญทรง" ได้แก่ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี และ "นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์" น้องสาว "นายทักษิณ" แกนนำพรรคเพื่อไทยด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เข้าไปไต่สวนนายบุญทรงในเรือนจำ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมคดีระบายข้าวจีทูจี และมันจีทูจี สำหรับกรณีของนายทักษิณนั้น ในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. คดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก มีเอกชนบางรายให้ถ้อยคำกับคณะอนุกรรมการไต่สวนว่า เคยบินไปพบนักการเมืองใหญ่ที่ดูไบ เพื่อเจรจาซื้อขายข้าว โดยนักการเมืองใหญ่รายนี้บอกว่า ให้มาซื้อกับ"นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร"
ต่อมา ทางด้าน "นาย เสริมสุข กษิติประดิษฐ์" อดีตนักข่าวสายความมั่นคง ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า...รายละเอียดข่าวอาจไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่รับรู้ได้จากจนท.ความมั่นคง หลังบุญทรงพูดได้ นั้นคล้ายกัน เป็นความรู้สึกของบุญทรงว่าถูกหักหลังทั้งจาก "นางเยาวภา วงษ์สวัสดิ์" หัวหน้าแก๊งค์วังบัวบาน ที่ไม่เคยมาเยี่ยมตลอดเวลา ที่ถูกคุมขัง และ "นางแดะแดะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่หนีไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาลในคดีจำนำข้าว แต่สร้างภาพตลอดช่วงที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันที่ศาลมีคำพิพากษาไม่หลบหนีจะมารับฟังคำพิพากษาในวันที่ศาลตัดสิน จนเกิดวาทะกรรม "พี่คะรอหนูแปป ใกล้จะถึงแล้ว" เป็นข้อความที่ถูกส่งมาตามสายถึงนายบุญทรงว่ากำลังมาศาลไม่ได้หลบหนีไปไหน...แต่นางได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว
จากสองปรากฏการณ์ "กรูพูดได้" และ "ฟ้ามีตา" ที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันนำไปสู่ข่าวเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศของนางเยาวภา ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะไปแล้วไปลับไม่กลับ เชื่อว่าเจ๊แดงเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่เดือนพ.ย. ร่วมกว่าสองเดือนก่อนที่ป.ป.ช.จะมีมติช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ไต่สวนเจ๊แดงเพิ่มเติม... #ฟ้ามีตา
"บุญคุณชดใช้กันไปหมดแล้ว" คำพูดของนายบุญทรงที่ จนท.ความมั่นคงระดับสูงเล่าว่าเป็นถ้อยคำที่นายบุญทรงกล่าวกับจนท.ไต่สวนในคดีจำนำข้าวล๊อตสอง ก่อนตัดสินใจเปิดปากให้รายละเอียดโยงใยไอ้โม่ง ขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังการทุจริตจำนำข้าว สะท้อนให้เห็นถึงความเจ็บปวดข่มขื่นที่ได้รับตลอดช่วงที่ถูกคุมขัง ไม่เคยได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากคนที่เคยเป็นนาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่บุญทรงยอมเปิดปากให้ข้อมูลที่เชื่อว่าโยงใยมาถึงเจ๊แดง ในคดีจำนำข้าวล๊อตที่สอง ทำให้ป.ป.ช. มีมติต้นให้ไต่สวนนางเยาวภาเพิ่มเติม มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่กับการทุจริตในโครงการจำนำข้าวจีทูจี ล๊อตสอง ที่ "ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ ประเทศชาติเรือ (ship)หายวินาศสันตะโร หลายแสนล้าน"
จากสองปรากฏการณ์ "กรูพูดได้" และ "ฟ้ามีตา" ที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันนำไปสู่ข่าวเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศของนางเยาวภา ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะไปแล้วไปลับไม่กลับ เชื่อว่าเจ๊แดงเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่เดือนพ.ย. ร่วมกว่าสองเดือนก่อนที่ป.ป.ช.จะมีมติช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ไต่สวนเจ๊แดงเพิ่มเติม...#ฟ้ามีตา
ทั้งนี้ ในกรณีโครงการทุจริตดังกล่าว เบื้องต้นมีการวิเคราะห์โดยเชื่อว่าตัว "นายบุญทรง" ที่มีความเสี่ยงจะต้องโทษจำคุกเนื่องด้วยเป็นถึงเจ้ากระทรวงที่เกี่ยวเนื่องกับคดีโดยตรง เหตุใดยังคงอยู่ และไม่หนีตามไปด้วย ปรากฏการณ์เช่นว่านี้มีผู้พยายามอธิบายถึงความเป็นไปได้ว่า"นายบุญทรง" อาจถูกหลอกให้มาหน้าศาลในวันที่ตัดสินคดีพื่อประกอบฉากให้การหนีของ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น
สอดคล้องกับคำพูดของ "นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร" อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ พรรคเพื่อไทย และเป็นคนสนิท "นายบุญทรง" ที่ออกมาระบุว่า "นายบุญทรง" มีอาการค่อนข้างเครียด เพราะท่านก็ไม่ได้เตรียมใจว่า จะพบเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งก่อนวันตัดสิน"นายบุญทรง" ไม่ได้พูดอะไร แต่ก่อนหน้าท่านเชื่อ และมีความมั่นใจว่าจะไม่ถูกลงโทษ
หากย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ของปีที่แล้ว (2560) นับเป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษา2คดีดัง "ทุจริตจำนำข้าว" คดีแรกเป็น ศาลฯนัดฟังคำพิพากษาคดีดำเลขที่ อม.22/2558 ระหว่างอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายปรากฏว่า "น.ส.ยิ่งลักษณ์" กลับเลือกที่จากทรยศมวลชนคนเสื้อแดง ทิ้งลูกน้อง โดยการทำให้เชื่อว่า "น.ส.ยิ่งลักษณ์"จะสู้คดีต่อ จะไม่หนีไปไหน แต่สุดท้ายกลับเตรียมการวางแผนเป็นอย่างดี ตบตาได้แม้กระทั้งพรรคพวกตัวเอง โดยอ้างว่าเกิดอาการ “น้ำในหูไม่เท่ากัน” จนกลายเป็นคำฮิตติดปาก ในช่วงนั้น..
ท้ายที่สุด ศาลฯ ได้มีการอ่านคำพิพากษาคดีที่มี "นายบุญทรง" พร้อมพวก ทั้งข้าราชการประจำ นักการเมือง เอกชน ตกเป็นจำเลย ทั้งนี้ ศาลอ่านคำพิพากษาจำคุกนายบุญทรง 42 ปี และชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 16,000 ล้านบาท จากนั้นในเวลา 18 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ได้นำตัว "นายบุญทรง" ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย "นายบุญทรง" มีอาการเครียดจากการประกันตัว และมีโรคประจำตัวอย่าง เช่น ภูมิแพ้ และ ความดันโลหิตสูง
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากบทความ ของสำนักพิมพ์ คมชัดลึก ที่ว่าด้วยคำพูดของนายบุญทรง เปิดเผยขณะที่อยู่ในเรือนจำว่า "จำได้แม่น ... ในเช้าวันนั้นผมได้รับสายของท่านฯ ... ท่านฯ บอกกับผมว่า "พี่คะ รอหนูแป๊บใกล้ถึงแล้วค่ะ" แต่แล้ว เขาก็ถูกปล่อยให้รอเก้อที่หน้าศาล แต่ก่อนหน้า "นายบุญทรง" เล่าว่า "พวกเขายืนยันหนักแน่นว่าเรารอดแน่ และท่านฯ มาแน่นอน ไม่งั้นจะเห็นท่านขึ้นศาลทุกนัดหรือ ?" ... ทั้งนี้จะเห็นว่า "น.ส.ยิ่งลักษณ์" โกหก "นายบุญทรง" จนถึงนาทีสุดท้ายจริงๆ ณ เวลานี้ "นายบุญทรง" ถูกทิ้ง และคนอื่นๆ ที่มีเอี่ยวในคดีนี้ก็ถูกทิ้งเช่นกัน ส่วน "ผู้อยู่เบื้องหลัง" ก็รอดตัวไปอย่างสบาย
กระทั่ง "นายบุญทรง" เจอคำพิพากษาติดคุก 42 ปี รออุทธรณ์ด้วยใจระทึก ร่างกายผ่ายผอมโซจากความเครียด อีกทั้งสุขภาพไม่ดี แต่ในใจ เขายังคงนึกถึงวันนั้นเสมอ วันสุดท้ายที่รับสายอยู่หน้าศาล กับประโยคที่เหมือนจะหวัง แต่สุดท้ายโดนหักหลังอย่างไร้ซึ่งเยื่อขาดใย กับประโยคที่จำขึ้นใจที่ว่า "พี่คะรอหนูแป๊บ ใกล้ถึงแล้วค่ะ" (ถึงไหนไม่รู้ ที่รู้ๆ คือ ถึงแน่ แต่ถึงที่ชายแดนเขมร ตรงช่องทางธรรมชาติ)
ทั้งนี้ ยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เสวยความสุขจนแทบจะสำลักตาย แต่ในขณะเดียวกัน เสมียนผู้จงรักภักดียิ่ง อย่างนายบุญทรง กลับต้องทนทุกข์ทรมานในเรือนจำกับอาการเจ็บปวดของร่างกายด้วยโรคประจำตัวของเขา แต่เชื่อว่า เจ็บปวดที่ร่างกาย เพียงไม่นานก็จะบรรเทาได้ แต่เจ็บใจ จากการถูกหลอกให้ติดคุกแทน ชาตินี้ก็ไม่สามารถบรรเทาความเจ็บได้เป็นแน่ .... ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับประโยคที่ว่า "ในอดีตที่ผ่านมาก็ถูกกระทำเจ็บช้ำมากพอแล้วค่ะ" ประโยคนี้ "เสมียนผู้จงรักภักดียิ่ง - อย่างนายบุญทรง" ที่โดนหลอกให้ติดคุกแทน ควรจะเป็นคนพูด ใช่หรือไม่?