- 19 ม.ค. 2562
สืบเนื่องจากภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาคดีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ที่มี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล รมช. พาณิชย์ รวมถึงข้าราชการระดับสูงของกระทรวง พาณิชย์ และเอกชนในเครือข่ายระบอบทักษิณรวม 28 ราย
สืบเนื่องจากภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาคดีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ที่มี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล รมช. พาณิชย์ รวมถึงข้าราชการระดับสูงของกระทรวง พาณิชย์ และเอกชนในเครือข่ายระบอบทักษิณรวม 28 ราย ซึ่งถูกอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เข้าข่ายกระทำผิด มาตรา 157 และฐานใช้อำนาจทุจริตสร้างความเสียหาย เข้าข่ายกระทำผิด มาตรา 151 ตามประมวลกฎหมายอาญา และกระทำผิด พ.ร.บ.ฮั้วประมูล และพ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2542
และผลของคำพิพากษาก็อย่างที่สื่อทุกสำนักรายงานไปแล้วว่า ศาลสั่งจำคุกนายบุญทรง 42 ปี ขณะที่นายภูมิ สาระผล จำคุก 36 ปี และ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตผู้ช่วยเลขานุการ และอดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 ของคดีนี้ ซึ่งก็คือผู้จัดแจงเรื่องดังกล่าว ได้หนีคดีนี้ไปตั้งแต่แรก และศาลได้ออกหมายจับ จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราวแล้ว
เบื้องต้นมีการวิเคราะห์โดยเชื่อว่าตัวนายบุญทรง ที่มีความเสี่ยงจะต้องโทษจำคุกเนื่องด้วยเป็นถึงเจ้ากระทรวงที่เกี่ยวเนื่องกับคดีโดยตรง ทำไมยังคงอยู่ไม่หนีตามไปด้วย ปรากฏการณ์เช่นว่านี้มีผู้พยายามอธิบายถึงความเป็นไปได้ว่านายบุญทรง อาจถูกหลอกให้มาหน้าศาลในวันที่ตัดสินคดีพื่อประกอบฉากให้การหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดูสมจริงยิ่งขึ้น
อีกประการหนึ่งคาดว่านายบุญทรง เชื่อว่าตนจะรอดจากคดีนี้ จากคำพูดที่เคยระบุก่อนศาลจะตัดสินคดีว่า "สู้กันมาขนาดนี้ ไม่หนีไปไหนหรอก วันที่ 25 ส.ค. นี้ไปตามที่ศาลนัดแน่ เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัว ทั้งยังมองว่า ตนไม่ได้ทำอะไรผิดตามที่ถูกฟ้องนั่นเลย"
สอดคล้องกับคำพูดของ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ พรรคเพื่อไทย และเป็นคนสนิทนายบุญทรง ที่ออกมาระบุล่าสุดวันนี้ว่า นายบุญทรงค่อนข้างเครียด เพราะท่านก็ไม่ได้เตรียมใจว่า จะพบเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งก่อนวันตัดสินนายบุญทรงไม่ได้พูดอะไร แต่ก่อนหน้าท่านเชื่อ และมีความมั่นใจว่าจะไม่ถูกลงโทษ
แต่ท้ายสุด ศาลฯ ได้มีการอ่านคำพิพากษาคดีที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ประดิษฐ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมพวก ทั้งข้าราชการประจำ นักการเมือง เอกชน ตกเป็นจำเลย ทั้งนี้ ศาลอ่านคำพิพากษาจำคุกนายบุญทรง 42 ปี และชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 16,000 ล้านบาทจากนั้นในเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายบุญทรง ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยนายบุญทรงมีอาการเครียดจากการประกันตัว และมีโรคประจำตัวอย่าง ภูมิแพ้ ความดันโลหิตสูง
กระทั่งเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา "นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์" บุตรชายของ "บุญทรง" เดินทางเข้าร่วมสมัครเป็นสมาชิก"พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)" พร้อมเปิดใจทั้งน้ำตาถึงเหตุผลการลาออกจาก"พรรคเพื่อไทย"ว่า "ก็อย่างที่ทุกคนทราบและเห็นในข่าว ได้ถูกโจมตีเสียๆ หายๆ จากฝั่งทนายของอดีตนายกฯ ซึ่งตนมองว่าบทบาททางการเมืองของพ่อตนได้จบไปตั้งแต่วันที่ศาลตัดสินจำคุก ตลอดระยะเวลาที่ท่านติดคุกไม่เคยมีข่าวว่าท่านออกมาเลย "พอมาถึงเวลาที่ท่านเจ็บป่วยและได้รับการรักษา ก็ดันไปเอาข่าวท่านไปเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ นานา ซึ่งส่งผลกระทบต่อท่านที่ต้องรับการรักษาตัว ถึงขั้นมีการพูดว่ามีการดีลวงในหรือเปล่า? ทำให้คนอื่นที่ได้รับข่าวไม่อยากมาช่วย และเป็นการมองว่าป่วยจริงหรือไม่
เพราะเอาไปผูกกับเรื่องการเมืองไปหมด และเมื่อมีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นภายในพรรคเพื่อไทยเอง เกรงว่าการเดินหน้าในทางการเมืองจะมีปัญหา ตนนั่งคิดอยู่นาน และตัดสินใจว่าถอยออกมาก้าวหนึ่งดีกว่า ที่ตัดสินใจลาออกก็ยังไม่ได้คิดว่าจะเดินข้างหน้าไปทางไหน หรือจะย้ายไปพรรคไหนต่อ จึงไปลาออกเพื่อความสบายใจของตัวเอง ของทางพรรค และของคุณพ่อ ทางพรรคเพื่อไทยจะได้เดินหน้าอย่างเต็มที่ จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
"นายเดชนัฐวิทย์" ยังกล่าวอีกว่า "ระหว่างที่ออกมาได้ปรึกษากับคุณพ่อว่าจะทำอย่างไรดีกับชีวิตการเมือง ซึ่งจุดประสงค์ของตนและครอบครัวคือรักษาอาการป่วยของพ่อให้หายดี "การที่คุณพ่อเป็นอยู่ทุกวันนี้ คงไม่ต้องตอบก็คงทราบว่าเป็นเพราะอะไร ทุกวันนี้พอเราต้องการความช่วยเหลือ ดันมาขี่ซ้ำ ผมก็ถามพ่อว่าเราจะเอาอย่างไรกันดี ถ้าอยู่มันโหดร้าย ให้ผมทำการเมืองไหม พ่อให้ที่เหลือจากนี้เป็นการตัดสินใจของผมล้วนๆ ท่านบอกว่าชีวิตการเมืองของท่านจบไปแล้ว ต่อไปให้เป็นเรื่องของลูกตัดสินใจเอง"
เรียกได้ว่าเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ที่นายบุญทรง ทุกข์ระทมในเรือนจำ สิ่งที่ทำให้นายบุญทรงต้องมีอันเป็นไปเช่นนั้น นอกเหนือจากการทรยศ หักหลัง แล้วยังมีความอึดอัดบอกกับ "สุรนันทน์ เวชชาชีวะ" ว่า "กูพูดไม่ได้" ย้อนกลับไปอ่านอย่างละเอียด สำหรับข้อความที่คุนายสุรนันท์โพสต์ถึงนายบุญทรง จนวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวแจ้งว่า "นายบุญทรง" ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ อีกครั้ง เมื่อเที่ยงของวันที่ 18 ธันวาคม เพื่อทำการผ่าตัดอาการป่วยด้วยโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อน หลังก่อนหน้านี้ได้มีการตรวจอาการไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับการผ่าตัด เนื่องจากนายบุญทรง มีอาการป่วยเป็นโรคไซนัสร่วมอยู่ด้วย ทำให้ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ เนื่องจากกลัวว่าจะได้รับอันตราย เพราะอาการแทรกซ้อน
นอกจากนี้ รายงานข่าวระบุด้วยว่า ขณะนี้ "นายบุญทรง" ถูกนำตัวมานอนพักรักษาอยู่ที่ชั้น 9 ของโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อรอทำการผ่าตัดในวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งยังระบุด้วยว่า อาการโดยรวมของ "นายบุญทรง" ขณะนี้ถือว่าหนักเอาการ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ช่วงที่นายบุญทรงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน แต่ไม่ได้รับการผ่าตัด เนื่องจากมีโรคไซนัสแทรกดังกล่าว จึงถูกนำตัวกลับไปที่เรือนจำอีกครั้ง พร้อม ๆ กับที่มีกระแสข่าวว่า ช่วงนั้นนายบุญทรงอาจยอมซัดทอดใครบางคนในคดีทุจริตจำนำข้างล็อต 2 แล้ว ก่อนที่จะถูกหามส่งโรงพยาบาลตำรวจอีกครั้งเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด 19 ม.ค. 2562 มีการเปิดเผยจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เพิ่มเติมว่า สำหรับคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง และคดีระบายมันสำปะหลังแบบจีทูจี สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ช่วงปลายเดือน ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติม โดยขยายข้อมูลจาก พ.ต.นพ.วีระวุฒิ และนายบุญทรง ได้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ แกนนำพรรคเพื่อไทยด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เข้าไปไต่สวนนายบุญทรงในเรือนจำ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมคดีระบายข้าวจีทูจี และมันจีทูจี สำหรับกรณีของนายทักษิณนั้น ในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. คดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก มีเอกชนบางรายให้ถ้อยคำกับคณะอนุกรรมการไต่สวนว่า เคยบินไปพบนักการเมืองใหญ่ที่ดูไบ เพื่อเจรจาซื้อขายข้าว โดยนักการเมืองใหญ่รายนี้บอกว่า ให้มาซื้อกับนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง จำเลยคดีข้าวจีทูจีล็อตแรก ปัจจุบันติดคุกอยู่) ได้เลยโดยตรง ส่วนนางเยาวภานั้น เป็นแกนนำกลุ่มวังบัวบาน ใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นต้นสังกัดกลุ่มทางการเมืองของนายบุญทรง โดยในทางการเมืองว่ากันว่า นางเยาวภา เปรียบเสมือนเจ้านายของนายบุญทรง