- 24 ม.ค. 2562
งามไส้!คนสนิทสุรชัยตายลอยน้ำ เป็นการ์ดนปช. มีหมายจับอาวุธสงคราม เป็นสามีสาวซุกคลังแสงกระทุ่มแบน
จากกรณีการพบศพชาย 2 ศพ มีอายุประมาณ 30-50 ปี สภาพศพถูกฆ่าในลักษณะเดียวกัน คือใช้เชือกไนล่อนรัดคอ จับใส่กุญแจมือ ผ่าท้องยัดแท่งปูนซึ่งคล้ายหลักทางโค้งของประเทศเพื่อนบ้าน พันด้วยผ้าเทป ห่อตาข่ายสีเขียว และห่อทับอีกชั้นด้วยกระสอบป่าน รัดด้วยเชือกอีกทบ ก่อนโยนทิ้งแม่น้ำโขง กระทั่งศพแรกลอยมาโผล่ริมตลิ่งใกล้กับตลาดนัดไทย-ลาว หลังเทศบาลตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ถัดมาศพที่สองก็ลอยติดฝั่งแม่น้ำโขงบ้านสำราญเหนือ ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม โดยมีข่าวว่า ศพที่พบอาจเป็นร่างของ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) นักเคลื่อนไหวทางการเมือง กับคนสนิทอีก 2 คนคือสหายกาสะลอง(นามแฝง) และสหายภูชนะ(นามแฝง) ที่หายตัวไปพร้อมกัน
ทั้งนี้บุคคลทั้งสามลี้ภัยไปอยู่ใน สปป.ลาว ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบว่าผู้ตายเป็นใคร และมีญาติของสหายกาสะลอง สหายภูชนะ ไปให้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ต่อมาลูกชายของสหายภูชนะ ลูกน้องคนสนิทของนายสุรชัย อ้างกับคนใกล้ชิดว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอ โดยใช้เนื้อเยื่อของศพที่ถูกสังหารทั้งสองศพ และเนื้อเยื่อที่บริเวณกระพุ้งแก้มของญาติ ปรากฏว่า เมื่อตรวจสอบแล้ว ศพที่พบในพื้นที่ สภ.ธาตุพนม มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับลูกของสหายภูชนะจริง ขณะเดียวกันผลดีเอ็นเอญาติของสหายกาสะลอง ศพที่พบในพื้นที่ สภ.เมืองนครพนม ก็มีผลตรวจออกมาในลักษณะเดียวกัน
ล่าสุดเมื่อผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันชัดว่าเป็นศพคนสนิทของนายสุรชัย คือ นายชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือ สหายภูชนะ อายุ 54 ปี พื้นเพเป็นชาว อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร อดีตการ์ด นปช. กลุ่มคนเสื้อแดง ผู้ต้องหาคดีด้านความมั่นคงที่เกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดปี 2557 และนายไกรเดช ลือเลิศ หรือ สหายกาสะลอง อายุ 47 ปี ชาว อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งมีความสนิทสนมกับนายสุรชัย ตั้งแต่ปี 2551 และนับถือกันเหมือนพ่อลูกโดยทั้ง 3 คนต่างขอลี้ภัยทางการเมืองไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.57
ทั้งนี้ จากประวัติของสหายกาสะลอง หรือนายไกรเดช เป็นคนเงียบขรึม เชี่ยวชาญระบบไอที จึงกลายเป็นผู้ควบคุมการถ่ายทอดสดผ่านออนไลน์ให้นายสุรชัย ส่วนสหายภูชนะ หรือนายชัชชาญ มีภรรยาชื่อ น.ส.จันทนา (สงวนนามสกุล) ทั้งคู่เป็นการ์ด นปช. ปี 2557 ศาลอาญาจังหวัดลพบุรีได้ออกหมายจับทั้ง 2 คนในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุระเบิด เครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุม น.ส.จันทนา ได้ภายในห้องเช่าย่าน จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก กระทั่งวันที่ 18 กันยายน 2558 ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่ น.ส.จันทนา ตกเป็นจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 27 ปี 9 เดือน ปรับ 6,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 17 ปี 8 เดือน ปรับ 4,000 บาท ขณะนี้ยังถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ ส่วนสหายภูชนะ ผู้เป็นสามีหลบหนีไปพร้อมกับนายสุรชัยและสหายกาสะลอง
อย่างไรก็ตามสำหรับเหตุการณ์การจับกุมนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2557 เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าตรวจสอบห้องพักของ น.ส.จันทนา วรากรสกุลกิจ ที่ห้องเลขที่ 3-4 หอพัก NCO ซ.สวนหลวง ถ.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน สมุทรสาคร พบอาวุธสงครามพร้อมกระสุนจำนวนมาก อาทิ ปืนเอเค47(พับฐาน) 1 กระบอก ซอง 1 ซอง พร้อมกระสุน 777 นัด ปืนไรเฟิล 1 กระบอก พร้อมกล้องส่อง 2 พร้อมซอง 2 ซอง กระสุนในซองพร้อมยิง 38 นัด เครื่องยิงเอ็ม79 จำนวน 1 กระบอก พร้อม ลูกกระสุน จำนวน 9 นัด ปืนเอ็มพี 1 กระบอก พร้อมซอง 3 ซอง ,กระสุน 48 นัด ปืนคาร์บิน พร้อมกระสุน 154 นัด ปืนเอ็มพี 4 พร้อมกระสุน 275 นัด ปืนพกสั้น (ดาวแดง) วิทยุไอคอมจำนวน 1 เครื่อง ระเบิดแสวงเครื่อง (ยังไม่ใส่ดินปืน) จำนวน 8 ลูก 1 ระเบิดขว้าง 3 ลูก ดินระเบิด 120 ขวด มีดสั้น 1 เล่ม คัตเตอร์ 1 เล่ม เกราะอ่อน 1 ตัว
นอกจากนี้ ยังพบผ้าพันคอของผู้ชุมนุมนปช. บัตร Staff นปช.รวมพลคนประชาธิปไตย และบัตรการ์ด นปช. หมายเลข 3084 อีกด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวไปสอบสวนตามกฎ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก