- 06 มี.ค. 2562
ทนายเดชา โพสต์ตอกหน้าหลังครูจอมทรัพย์ถูกสั่งจำคุกอีกรอบ! ศาลจังหวัดนครพนมเปิดบัลลังก์ เพื่อพิจารณาคดีกรณีอัยการจังหวัดนครพนมเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือศรีบุญหอม อายุ57ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร
ศาลจังหวัดนครพนมเปิดบัลลังก์ เพื่อพิจารณาคดีกรณีอัยการจังหวัดนครพนมเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือศรีบุญหอม อายุ57ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร เป็นจำเลย ใน คดีหมายเลข อ.295/61
ร่วมกับพวกประกอบด้วย
1.นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง
2.นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์
3.นางทองเรศ วงศ์ศรีชา
4.นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีของนางจอมทรัพย์
5.นายเสน่ห์ สุพรรณ(เพื่อน)
6.นางรจนา จันทรัตน์(เพื่อน)
และ7.น.ส.วาสนา เพ็ชรทอง หลานสาว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไม่รอด! ศาลสั่งจำคุก"สับ วาปี"พร้อมเมีย รับจ้างเป็นพยานเท็จช่วย"ครูจอมทรัพย์"
- ยังไม่จบง่ายๆ!?? ตร.แจ้งข้อหาเพิ่มอีก 3 ข้อหา พยานครูจอมทรัพย์ อัยการส่งฟ้องสับกับเมีย (มีคลิป)
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณีนางจอมทรัพย์ ตกเป็นจำเลยในคดีขับรถชนคนตายเมื่อปี2548ซึ่งต้องโทษจำคุกจากการพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่24ก.ย.2556ตัดสินจำคุก3ปี2เดือน แต่เมื่อวันที่3เม.ย.2558ได้รับพระราชทานอภัยโทษออกจากเรือนจำนครพนม รวมถูกจำคุก1ปี6เดือน หลังพ้นโทษก็เดินหน้าเรียกร้องขอความเป็นธรรม ให้กระทรวงยุติธรรมช่วยรื้อฟื้นคดีขึ้นใหม่ โดยอ้างว่าตกเป็นแพะ
กระทั่งศาลฯนัดสืบพยาน ตามที่นางจอมทรัพย์ร้องขอใน พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ ระหว่างวันที่8-10ก.พ.2560โดยอ้างชื่อนายสับ วาปี ที่ออกมายอมรับว่าเป็นคนขับรถชนคนตายตัวจริง จนกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับรื้อฟื้นคดี แต่ในวันสืบพยานฝ่ายผู้ร้องกลับไม่ได้นำตัวนายสับกุญแจดอกสำคัญขึ้นเบิกความในชั้นศาล
กระทั่ง วันที่ 17 พ.ย. 60 ศาลฯได้ออกนั่งบัลลังก์ แล้วพิจารณายกคำร้องของนางจอมทรัพย์ เพราะพยานหลักฐานต่างๆไม่น่าเชื่อถือ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งความดำเนินกับขบวนการจ้างแพะช่วยแกะ เริ่มจากนายสับรีบเข้ามอบตัว พร้อมยอมรับว่าไม่ได้ขับรถชนคนตาย ตามที่ให้การกับตำรวจในตอนต้น แต่มีนายสุริยาหรือครูอ๋องมาติดต่อและรับปากจะให้เงิน4แสนบาท แลกกับการรับผิดแทน แต่ยังไม่มีการจ่ายเงินกัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่บุกจับกุมนางจอมทรัพย์ที่บ้านพักใน จ.สกลนคร ในคดีซ่องโจร และให้การเท็จต่อศาลฯ พร้อมฝากขังศาลจังหวัดนครพนม โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัว ขณะที่ครูอ๋องเผ่นหนีออกจากบ้าน ไปถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้ ที่สถานีรถไฟหลักสี่ กทม. ส่วนจำเลยรายอื่นๆถูกดำเนินคดีตามที่หลักฐานพยานสาวไปถึง
สำหรับนายสับ-นางจันทร์ วาปี นั้น ได้รับสารภาพในข้อหาเบิกความเท็จ และแจ้งความเท็จไปก่อนหน้านี้แล้ว ศาลจังหวัดนครพนมจึงได้แยกสำนวน เป็นคดีหมายเลข อ.290/61และคดีหมายเลขแดงที่4645/2561โดยวันที่25ก.ย.61ศาลจังหวัดนครพนม ออกนั่งบัลลังก์แล้ว มีคำพิพากษาว่า นายสับจำเลยที่1กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด กฎหมายอาญามาตรา91ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน จำคุก2เดือน ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนฯ และฐานร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันยเป็นลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานฯ จำคุก 6 เดือน ฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาล จำคุก3ปี ฐานซ่องโจร1ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา92เฉพาะฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีคดีอาญาต่อศาล เป็นจำคุก4ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งเหลือจำคุกกำหนด 2 ปี 10 เดือน
ขณะที่นางจันทร์จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา172(เดิม) และ267(เดิม) ประกอบมาตรา93,177วรรคสอง(เดิม) มีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคดีอาญาแก่พนักงานสอบสวน จำคุก6เดือน ฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล จำคุก3ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก1ปี9เดือน โดยศาลพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยที่2ประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าจำเลยที่2มีอายุมาก อีกทั้งมีปัญหาด้านสุขภาพ ไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดมาก่อน แต่จำเลยกระทำความผิดในคดีนี้ เนื่องจากเห็นแก่อามิสสินจ้างเพื่อประโยชน์ของตนเองฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่เกิดขึ้นต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตามพฤติการณ์นับเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุอันควรรอการลงโทษจำคุก หลังสิ้นคำพิพากษานายสับและนางจันทร์ได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เพื่อขอความเมตตาในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป
ล่าสุดเบื้องต้นศาลมีคำพิพากษาจำคุก นางจอมทรัพย์ 8 ปี, จำคุกนายสุริยา 7 ปี 9 เดือน, จำคุกนางทัศนีย์ 2 ปี 19 เดือน, จำคุกนางทองเรศ 2 ปี 12 เดือน และจำคุกนายนิรันดร์ 2 เดือน ส่วนจำเลยที่เหลือศาลมีคำสั่งยกฟ้อง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการยื่นขอประกันตัว ส่วนรายละเอียดจะรายงานให้ทราบอีก
เกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นหลังศาลพิพากษาจำคุกนางจอมทรัพย์ ทนายเดชาได้แสดงความคิดเห็นไว้บนข่าวนี้ระบุ "สมควรแล้วครับกระทำความผิดซ้ำซาก โดนลงโทษสถานหนัก ต่อไปจะได้ไม่มีคนกล้านำพยานหลักฐานเท็จมาฟื้นคดีใหม่ เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรม สมควรลงโทษสถานหนัก #ทนายคลายทุกข์"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณ ทนายคลายทุกข์