- 06 มิ.ย. 2562
แกะรอยคนไม่โหวตบิ๊กตู่ เขาคือเศรษฐีหนุ่มพันล้าน เจ้าของกิจการมากมาย อกหักจากพรรคบรรหาร มาพักบ้านเสี่ยหนู
จากกรณีที่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีการโหวตลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี โดยการขานชื่อสมาชิกรัฐสภาเป็นรายบุคคลเรียงลำดับตามตัวอักษร โดยมีสมาชิกขานชื่อโหวตทั้งหมด 747 คน ขาดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ นางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ ที่ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ยื่นใบลาออกจากการเป็น ส.ส.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เริ่มแล้ว!! ประชุมประชาธิปัตย์ เคาะร่วมรัฐบาล? จับตา "อภิสิทธิ์" ปัดตอบ..ออก-ไม่ออก
ต่อมาผลการโหวตลงมติปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้คะแนน 500 เสียง เกินกึ่งหนึ่งจากสมาชิกทั้งสองสภา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้ 244 เสียง งดออกเสียง 3 คะแนน ก่อนที่นายชวน จะสั่งปิดการประชุมในเวลา 23.52 น.ใช้เวลาการประชุมตลอดทั้งวันร่วม 15 ชั่วโมง
ทั้งนี้ในการลงมติมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 52 คน ต่างลงมติไปในทางเดียวกันทุกคนคือ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ยกเว้นนายชวน ที่งดออกเสียง ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ส.ส.จำนวน 51 เสียง ต่างเทเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหมดมีเพียง นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ คนเดียวที่ลงมติงดออกเสียง โดยภายหลังการลงมติงดออกเสียง นายสิริพงศ์ได้นั่งร้องไห้อยู่ภายในห้องประชุม
สำหรับนายสิริพงษ์ หรือ เสี่ยโต้ง เป็นอดีตส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ก่อนที่จะย้ายเข้ามาสังกัดพรรคภูมิใจไทย เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2519 ปัจจุบันอายุ 43 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, ปริญญาโท สาขาการจัดการระบบสารสนเทศ (MIS) มหาวิทยาลัยโคโลราโด เดนเวอร์ สหรัฐอเมริกา ปริญญาเอก สาขาเกษตรเขตร้อน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
นายสิริพงศ์ ก่อตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด สิริมงคลพร๊อพเพอร์ตี้ ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว ทั้งหมด 7 โครงการ รวมกว่า 1 พันยูนิตในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ รวมทั้งทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ ก่อนขยายธุรกิจบ้านจัดสรรไปยังพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
นอกจากนี้ นายสิริพงศ์ ยังเคยทำธุรกิจอื่นอีก อาทิ โรงเรียนกวดวิชา ธุรกิจรถนำเข้า ร้านอาหารญี่ปุ่น ธุรกิจเฟรนส์ไชส์ ร้านกาแฟ รวมทั้งเป็นนายทุนให้กับภาพยนตร์เรื่อง ไทบ้านเดอะซีรีส์ ซึ่งมีนายสุรศักดิ์ ป้องศร เป็นผู้กำกับ โดยใช้จังหวัดศรีษะเกษเป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำ
นายสิริพงศ์ก้าวสู่การเมือง เป็น ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคชาติไทย เมื่อปี 2550 และเป็นกรรมการบริหารพรรคชาติไทย แต่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในคดียุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ปี 2551 (บ้านเลขที่ 109) กระทั่งพ้นโทษ ถูกวางตัวเป็นถึงเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา
ต่อมา นายสิริพงศ์ก็ย้ายสังกัดมาอยู่พรรคภูมิใจไทย ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2561 พร้อมนายภราดร และนายกรวีร์ 2 พี่น้องตระกูลปริศนานันทกุล ก่อนที่จะลงสมัคร ส.ส. ศรีสะเกษ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ชนะนายธเนศ เครือรัตน์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย กว่า 9.6 พันคะแนน เป็น ส.ส. สมัยที่ 2 ได้เป็นผลสำเร็จ โดยในการย้ายออกมาจากพรรคชาติไทยพัฒนาสู่ภูมิใจไทยมีเสียงนินทาตามหลังมาค่อนข้างดังถึงสาเหตุบ้างก็ว่า เพราะมีความขัดแย้งในเรื่องพื้นทีทับซ้อน บ้างว่าเพราะตัวเขาเองมองว่า นโยบายของพรรคเก่าเปลี่ยนไป รวมทั้งประเด็นที่คอการเมืองพูดถึงกันมากนั่นคือ การอกหักจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคที่ก่อนหน้านี้ได้รับการวางตัวด้วยพรรคอยากนำเสนอคนรุ่นใหม่แต่ในที่สุดทางพรรคก็เลือกนายประภัตร โพธสุธน ให้เป็นเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา ทำให้เสี่ยโต้งต้องย้ายตัวเองออกมาสังกัดพรรคเสี่ยหนู
อย่างไรก็ตามยังมีข้อมูลที่น่าสนใจโดยเว็บไซต์ สารรังสิตออนไลน์ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ในฐานะศิษย์เก่าสาขาวิชาวิศวกรรมโยธา วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อปีที่แล้ว(2561) โดยโปรยพาหัวไว้ว่า เปิดมุมมองนักธุรกิจ จากโฉนดผืนเดียวสู่เศรษฐีอสังหาฯ หลายพันล้านของ “สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ”
ซึ่งมีบางช่วงที่น่าสนใจ คือ มุมหนึ่งเขาคือ กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สิริมงคลพร๊อพเพอร์ตี้ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย มีชื่อเสียงของจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดอุบลราชธานี นอกจากนี้ ยังมีตำแหน่งต่อท้ายอีกมากมายทั้งในเรื่องธุรกิจและการเมือง รวมทั้งได้ส่งต่อโอกาสให้กับคนที่รักการทำหนังโดยเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "ไทบ้านเดอะซีรีส์"
“ทุกวันนี้เราได้เรียนรู้ว่า คนเราจะเติบโตได้ต้องอาศัยการเรียนรู้ที่จะมองเห็นคนอื่น ให้เกียรติคนอื่น ไม่หยิ่งยโส ผมเชื่อว่าถ้าเราถือครองสิ่งเหล่านี้ได้ มันจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาตนเอง ผมให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกคนเสมอ รวมทั้งผู้ถือหุ้น หรือแม้แต่ทีมงานทุกส่วน เราให้รับฟังทุกความคิดเห็น เพื่อที่จะนำองค์กรไปสู่การเติบโตและก้าวหน้าได้ นอกจาก การรับฟังผู้อื่นแล้ว การให้เกียรติผู้อื่น รวมทั้งการให้โอกาสคือสิ่งสำคัญเช่นกัน” นายสิริพงศ์ กล่าวช่วงหนึ่ง
ขอบคุณภาพ : สารรังสิตออนไลน์