คนไม่โหวตบิ๊กตู่ อ้างสัญญาปชช.หากไม่ใช่อนุทินไม่เลือกใคร

จากกรณีที่มีการประชุมรัฐสภา มีการโหวตลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี โดยการขานชื่อสมาชิกรัฐสภาเป็นรายบุคคลเรียงลำดับตามตัวอักษร โดยมีสมาชิกขานชื่อโหวตทั้งหมด 747 คน ขาดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ นางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ ที่ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ยื่นใบลาออกจากการเป็น ส.ส.

 

ต่อมาผลการโหวตลงมติปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้คะแนน 500 เสียง เกินกึ่งหนึ่งจากสมาชิกทั้งสองสภา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้ 244 เสียง งดออกเสียง 3 คะแนน ก่อนที่นายชวน จะสั่งปิดการประชุมในเวลา 23.52 น.ใช้เวลาการประชุมตลอดทั้งวันร่วม 15 ชั่วโมง

 

ทั้งนี้ในการลงมติมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 52 คน ต่างลงมติไปในทางเดียวกันทุกคนคือ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ยกเว้นนายชวน ที่งดออกเสียง ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ส.ส.จำนวน 51 เสียง ต่างเทเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหมดมีเพียง นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ คนเดียวที่ลงมติงดออกเสียง โดยภายหลังการลงมติงดออกเสียง นายสิริพงศ์ได้นั่งร้องไห้อยู่ภายในห้องประชุม

 

 

 

 

ล่าสุดวันนี้(6มิ.ย.) นายสิริพงศ์ ได้ออกมากล่าวถึงการงดออกเสียงในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ว่า ส่วนตัวได้เข้าไปขอโทษนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และผู้ใหญ่ในพรรคแล้วที่ตนเองออกเสียงสวนกับมติของพรรค ที่มีมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนได้ชี้แจงเหตุผลกับพรรคว่าตนเองได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน คือจะโหวตเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น หากไม่มีชื่อของนายอนุทิน ก็จะไม่ขอเลือกใครเลย

 

“ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกับพรรคและพรรคได้ให้คำแนะนำหลายอย่าง แต่ตนก็ได้ยืนยันในจุดยืนของตนเองที่มี ว่าเหตุผลที่งดออกเสียงคือตนเคารพประชาชนที่ตนได้ไปหาเสียงไว้ในพื้นที่

 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาภายในพรรคได้พยายามเต็มที่แล้วที่จะหาทางออกให้กับประเทศ โดยเฉพาะการเป็นขั้วที่ 3 แต่เมื่อไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ก็ต้องผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้ให้เป็นความจริงขึ้นมา เพราะการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเป็นสิ่งที่พรรคการเมืองต้องรักษาไว้ตามคำพูด”

 

 

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะสามารถทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ได้หรือไม่นั้น ตนเองจะทำตามหน้าที่ อะไรถูกอะไรผิด ก็ว่าไปตามความเป็นจริง รวมถึงการทำงานร่วมกับพรรคหลังจากนี้ และยืนยันว่าไม่มีพรรคการเมืองไหนมาทาบทาม

 

“ยอมรับว่าตนเองเสียใจกับสิ่งที่ทำ แต่ทำลงไปแล้วก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา และไม่รู้สึกอึดอัดกับการทำหน้าที่เป็น ส.ส. ในพรรคภูมิใจไทย เพราะตนรักพรรคภูมิใจไทย และจะอยู่กับพรรคภูมิใจไทยไปตลอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และไม่กังวลว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นงูเห่าของพรรคทุกอย่างทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และหากการงดออกเสียงของตนถูกนำไปใช้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ตนก็รู้สึกเสียใจและขออภัยกับพรรค”