- 30 มิ.ย. 2562
ล่าสุด นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวให้สัมภาษณ์ในงานสัมมนาสื่อมวลชนสัมพันธ์ประจำศาลยุติธรรม ระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย.
จากกรณีที่รถเบนซ์อี 250 ของนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ ซึ่งมีอาการเมาสุราขณะขับรถและได้พุ่งชน พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2บก.ป.หรือรองตี๋ และนางนุชนาถ งามสุวิชชากุล ภรรยาจนเสียชีวิต รวมถึง ด.ญ.พิญาภา งามสุวิชชากุล หรือ น้องแพรว ลูกสาววัย12 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เมื่อวันที่ 12 เม.ย.62ต่อมานายสมชาย พร้อมนายวีรวุฒิ บำรุงใจ ทนายความ และครอบครัวของ พ.ต.ท.จตุพรและ นางนุชนาถ และเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยของทั้ง 2 ฝ่ายเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.พิทักษ์ พูลพุทธา รอง สว.(สอบสวน)สน.ศาลาแดง พนักงานสอบสวนในคดีนี้ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยค่าเสียหายและเงินดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต
ทางด้านนายวีรวุฒิ บำรุงใจ ทนายความของ นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ ได้เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปยื่นเรื่องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางให้กำหนดผู้อนุบาลดูแลจัดการทรัพย์สินทั้งหมดของบุตรสาวทั้ง 2 คนของรองตี๋เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยนายสมชาย ได้มอบเงินให้กับบุตรสาวของคู่กรณีทั้งคู่ รวม 30 ล้านบาท ไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน และทำการลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน สน.ศาลาแดง เอาไว้แล้ว โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะรออัยการฟ้อง ซึ่งนายสมชาย ก็จะยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา จากนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลท่านจะตัดสินเช่นไร
อ่านข่าว : เสี่ยเบนซ์มอบเงินก้อนแรก 30 ล้าน ให้ 2 ลูกสาวของรองตี๋
ล่าสุด นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวให้สัมภาษณ์ในงานสัมมนาสื่อมวลชนสัมพันธ์ประจำศาลยุติธรรม ระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย. โดย นายสราวุธ ตอบคำถามสื่อกรณีเมาแล้วขับ ที่เป็นข่าวครึกโครมจนมีการพูดถึงเรื่องปรับบทลงโทษแจ้งข้อหาหนักฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 นอกจากนี้ข้อหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 291
คือกรณี นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของโรงงานขับรถเบนซ์สปอร์ต ซิ่งชนประสานงานกับรถส่วนตัวของ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล หรือรองตี๋ รอง ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป.ที่เดินทางมาพร้อมครอบครัวจน พ.ต.ท.จตุพร เสียชีวิตพร้อมภรรยา ส่วนลูกสาวคนเล็กได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี 5 ได้ยื่นฟ้อง นายสมชาย เป็นจำเลย ในคดีหมายเลขดำ 1839/2562 ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ในฐานความผิดขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฏหมายกำหนด , ขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย , ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
และได้รับอันตรายสาหัส รวม 3 ข้อหา โดยอัยการสั่งไม่ฟ้องความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นฯ ตามที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนแจ้งข้อหาดังกล่าวมาด้วย แต่อัยการพิจารณาแล้วพฤติการณ์ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดทางกฎหมาย โดยก่อนการยื่นฟ้องนั้น นายสมชาย ก็ได้รับการปล่อยตัวไปด้วยวงเงิน 200,000 บาท
อย่างไรก็ตาม หลังฟ้อง เมื่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน สอบคำให้การจำเลยแล้ว ให้การรับสารภาพตามฟ้องอัยการโจทก์ ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วจึงเห็นสมควรให้มีการสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา โดยให้พนักงานคุมประพฤติรายงานผลการสืบเสาะนั้นให้ศาลทราบภายใน 15 วัน และให้นัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น. โดยก่อนหน้านี้ ทางนายสมชาย ผู้ก่อเหตุ ยินยอมที่จะเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย 45 ล้านบาท ให้กับครอบครัวของนายตำรวจผู้เสียชีวิต ซึ่งปัจจุบันคงเหลือเพียงบุตรสาวคนโตและบุตรสาวคนเล็ก ที่มีป้าเป็นผู้ปกครองดูแลอยู่