- 30 มิ.ย. 2562
จากกรณีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง อายุ 27 ปี เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่หน้าปากซอยพระยาสุเรนทร์ ซอย 2 โดยวินจักรยานยนต์รับจ้าง พบเห็นเหตุการณ์ และได้แจ้งกู้ภัยร่มไทร ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาลนวมินทร์ 1 และล่าสุดได้ย้ายมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลมิชชั่นแล้วนั้น
จากกรณีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง อายุ 27 ปี ถูกทำร้ายร่างกายอาการสาหัสย่านพระยาสุเรนทร์ ซึ่งน.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ หรือหนึ่งนุช "แม่จ่านิว" แจ้งว่า เมื่อเวลา 11.00 น. สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ มีกลุ่มชายฉกรรจ์ จำนวน 4 นายรุมทำร้าย ที่หน้าปากซอยพระยาสุเรนทร์ ซอย 2 ทั้งนี้อาการได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยวินจักรยานยนต์รับจ้าง พบเห็นเหตุการณ์ และได้แจ้งกู้ภัยร่มไทร ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาลนวมินทร์ 1 และล่าสุดได้ย้ายมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลมิชชั่นแล้วนั้น
ต่อมาสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง อาทิ เอพี เอเอฟพี รอยเตอร์ วอชิงตันโพสต์ ได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวไปทั่วโลก โดย นางพัฒน์นรี ชาญกิจ มารดานายสิรวิชญ์ เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เชื่อว่ากลุ่มที่ทำร้ายจ่านิว เป็นกลุ่มเดิมกับที่เคยทำร้ายไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะจ่านิวไม่มีศัตรูที่ไหน ยกเว้นเรื่องการเมือง เพราะจ่านิวเป็นนักเคลื่อนไหวต้านรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่วอชิงตัน โพสต์ และรอยเตอร์ รายงานว่า นางพัฒน์นรี ชาญกิจ มารดาของจ่านิว ได้เปิดเผยกับบรรดานักข่าวว่า จ่านิว บุตรชาย อายุ 27 ปี เพิ่งโทรศัพท์หาเธอเมื่อคืนวันพฤหัสฯที่ 27 มิ.ย.บอกว่ามีคนเตือนจะโดนทำร้ายอีก ก่อนวันรุ่งขึ้น บุตรชายจะถูกทำร้ายร่างกายจนหมดสติ ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยคณะแพทย์รู้สึกกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บที่ดวงตาของบุตรชายเพราะอาจกระทบต่อเส้นประสาทตา ซึ่งตอนนี้ บุตรชายลืมตาได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถตอบสนองใดๆได้
ด้าน นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ถึงกรณีดังกล่าวด้วย โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจในการตั้งข้อสังเกตุดังนี้ "ผมยึดมั่นในสันติวิธี คัดค้านการสร้างความแตกแยก แตกความสามัคคีและความรุนแรง กรณีการทำร้ายจ่านิวครั้งนี้ สะเทือนใจผู้คนจำนวนมาก เพราะเขาจะไปเรียนต่างประเทศอยู่แล้วและที่สำคัญ ลุงตู่เดินทางไปประชุม สุดยอดผู้นำของโลกคือกลุ่ม g20 ที่โอซาก้า ไม่ควรจะให้เกิดเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เพราะกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศ และเกียรติภูมิความเชื่อมั่นของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เกิดความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองโดยรวม"
ล่าสุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนที่รับผิดชอบ คดีชาย 4 คนรุมทำร้ายนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมืองจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่ปากซอยรามอินทรา 109 พื้นที่สน.มีนบุรี และตำรวจจะให้น้ำหนักการทำร้ายไปยังเรื่องการเมอง ส่วนจะมีใครบงการหรือไม่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ห่วงมากในเรื่องนี้ ท่านได้สั่งการดูแลด้วยตนเอง และขอทราบผลเป็นระยะ ขณะนี้กำลังเดินการสืบสวนในเรื่องของกล้องวงจรปิดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสีไหนหรือใครก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแต่ขอให้ตำรวจทำงานสักระยะเหตุเพิ่งเกิดได้ 2 วันเท่านั้นเอง
จากนี้ตนให้พล.ต.ท.สุวัฒน์กับพล.ต.ท.สุทธิพงษ์ประชุมตอนเช้าของทุกวันและขอบอกว่าไม่ต้องห่วงจะนำคดีเก่าที่ห้วยขวางมาพิจารณาหาความเชื่อมโยงส่วนมูลเหตุคดีนี้ตัดเรื่องประสงค์ทรัพย์ได้เลยเพราะจ่านิวไม่ได้มีทรัพย์สินอื่นๆโดยตำรวจจะดูประเด็นเรื่องส่วนตัวและประเด็นการเมืองและจะไม่ได้ตัดประเด็นอื่นๆทิ้ง
ส่วนในกรณีที่โซเชียลมีเดียตั้งข้อสงสัยว่าผู้ร้ายอาจจะเป็นคนในเครื่องแบบตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ แต่เราก็ดำเนินการตามขั้นตอนของการสืบสวนอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังฟันธงไม่ได้ ต้องให้มันชัดเจนกว่านี้ก่อนแล้วเราเพิ่งทำงานได้ 2 วัน แต่เราก็ได้ทำพอดีกับมันเรามาเทียบเคียงดูด้วยแต่ก็ยังด่วนสรุปไม่ได้ ตอนนี้ท่านนายกฯก็กำชับอยู่แล้วพูดว่าทุกคดีเราก็อยากให้ได้ตัวหมด"
คดีจ่านิวนั้นก็เหมือนคดีทั่วไปเป็นระบบอยู่แล้วมีความคืบหน้าพอสมควรตอนนี้ดำเนินการไล่วงจรปิดตรวจสอบอาวุธทั้งหมดส่วนใครจะพูดว่าคดีลักษณะนี้เกิดขึ้นแล้วเรียกร้องว่าจับไม่ได้ให้ลาออกจนได้ยินแล้วก็ต้องทำใจใครจะพูดอะไรก็ได้ แต่ตำรวจไม่หยุดทำงานเพราะดีมีความยากง่ายไม่เหมือนกัน
ในความเห็นส่วนตัวที่ตนมีประสบการณ์มาคิดว่านักเคลื่อนไหวตอนนี้มีการเลือกตั้งไปแล้วตอนอยากให้ทุกกลุ่มเข้าสู่ระบบรัฐสภาจะสังกัดพรรคไหนก็ได้หรือหากใครกลัวจะประสานตำรวจหรือกรมคุ้มครองสิทธิ์มาดูแลได้แต่การเคลื่อนไหวท้องถนนทุกเสาร์อาทิตย์จนก็ต้องสั่งให้ตำรวจไปดูแลนักท่องเที่ยวก็ไม่กล้ามา เศรษฐกิจก็กระทบเป็นการทำลายบรรยากาศจนไม่เข้าใจกลุ่มการเมืองเหล่านี้เคลื่อนไหวเพราะชอบส่วนตัวหรือรับงานใครมาจนไม่อยากพูด
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มไพธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 เปิดเผยว่า ตำรวจได้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานครเพิ่ม รวมถึงสอบปากคำพยานแวดล้อม แต่ก็ยอมรับว่าพยานหลักฐษนยังไม่เพียงพอที่จะออกมหมายจับคนร้าย