- 03 ก.ย. 2562
เรื่องเก่ายังไม่จบมาเรื่องใหม่ สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เกิดกรณีปัญหาข้อพิพาทระหว่าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ในประเด็นโครงการก่อสร้างศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ ชนิดที่ต้องเฝ้าจับตาว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลปกครอง ขณะที่สถานการณ์ร้อนว่าด้วย เทอร์มินัล 2 สุวรรณภูมิ ก็ยังไม่จบ เพราะกระแสคัดค้านยังรุนแรง ในหลากหลายมิติ
เรื่องเก่ายังไม่จบมาเรื่องใหม่ สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เกิดกรณีปัญหาข้อพิพาทระหว่าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ในประเด็นโครงการก่อสร้างศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ ชนิดที่ต้องเฝ้าจับตาว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลปกครอง ขณะที่สถานการณ์ร้อนว่าด้วย เทอร์มินัล 2 สุวรรณภูมิ ก็ยังไม่จบ เพราะกระแสคัดค้านยังรุนแรง ในหลากหลายมิติ
ดูท่าอาจต้องเกาะติดกันยาว ๆ กับสารพัดปัญหาภายในการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถึงแม้จะประเด็นเรื่อง โครงการก่อสร้างศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ จะสงบไปชั่วคราว เพราะเรื่องใหญ่ที่ยังไม่มีบทสรุป ก็คือ กรณีการเดินหน้าแผนก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ท่ามกลางข้อทักท้วงมากมาย
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : ดร.สามารถ จัดชุดใหญ่ ถามแทนใจคนไทย ทอท. คิดอะไรกับเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ ต่อไปสุวรรณภูมิแออัด..ใครจะรับผิดชอบ??)
ล่าสุด ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. ที่มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการออกแบบ เทอร์มินัล 2 ของการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มาตั้งแต่ต้น ได้โพสต์อีกหนึ่งประเด็นข้อสังเกตุ ที่คาดว่าจะเป็นปัญหาในระยะยาว หาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ยังคงดื้อดึงจะดำเนินการ ตามที่ออกข่าวไว้ก่อนหน้า
โดยชุดข้อมูลของดร.สามารถ นำเสนอผ่านเฟสบุ๊ค ถึงรันเวย์ใหม่ที่จะตามมากับแผนแม่บท เทอร์มินัล 2 ของทอท. มีรายละเอียดสำคัญ ๆ ว่า เวลานี้สนามบินสุวรรณภูมิมีรันเวย์ 2 เส้น ประกอบด้วยรันเวย์เส้นที่ 1 อยู่ด้านตะวันตก และรันเวย์เส้นที่ 2 อยู่ด้านตะวันออก
รันเวย์ทั้ง 2 เส้นนี้ทำหน้าที่รองรับเครื่องบินขึ้นและลงจำนวนมาก จนใกล้จะเกินขีดความสามารถแล้ว ทำให้บางครั้งเราต้องนั่งรออยู่ในเครื่องบินเป็นเวลานานกว่าเครื่องบินจะ "เทกออฟ" หรือบางครั้งเครื่องบินต้องบินวนรอบสนามบินอยู่หลายรอบกว่าจะได้ "แลนดิง" เป็นผลให้ผู้โดยสารเสียเวลา และเครื่องบินต้องสิ้นเปลืองน้ำมัน
จากปัญหาดังกล่าว บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จึงมีแผนที่จะก่อสร้างรันเวย์เส้นที่ 3 ด้านตะวันตก วงเงิน 21,796 ล้านบาท เพื่อลดภาระหนักของรันเวย์เส้นที่ 1 และเส้นที่ 2 โดยหวังที่จะเพิ่มความจุให้สนามบินสุวรรณภูมิ แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความจุให้สนามบินนั้น จะต้องเพิ่มทั้งในเขตการบินหรือแอร์ไซด์ (กรณีขาออกคือพื้นที่หลังจากผ่านการตรวจหนังสือเดินทาง) และนอกเขตการบินหรือแลนด์ไซด์ (กรณีขาออกคือพื้นที่ก่อนผ่านการตรวจหนังสือเดินทาง) มิฉะนั้น จะทำให้เกิด "คอขวด" ขึ้นในพื้นที่ที่ไม่ได้เพิ่มความจุ ส่งผลให้ความจุของสนามบินโดยรวมไม่เพิ่มขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น กรณีก่อสร้างรันเวย์เพิ่มขึ้นจะทำให้เครื่องบินสามารถขึ้น-ลงได้เพิ่มขึ้น นั่นคือความจุของแอร์ไซด์เพิ่มขึ้น แต่ถ้าไม่ขยายหรือก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหรือเทอร์มินัลเพิ่มขึ้น ผู้โดยสารก็จะไม่สามารถเช็กอินและผ่านการตรวจหนังสือเดินทางได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีผู้โดยสารจำนวนมากจนแน่นแออัดเทอร์มินัล นั่นคือความจุของแลนด์ไซด์ไม่ได้เพิ่มขึ้น ทำให้ความจุของสนามบินโดยรวมไม่ได้เพิ่มขึ้นด้วย เพราะเทอร์มินัลไม่สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ ทอท.จึงต้องการที่จะเพิ่มความจุแลนด์ไซด์ด้วยการก่อสร้างเทอร์มินัลใหม่ หรือที่เรียกกันว่า "เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ" ซึ่งผิดแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ เพิ่มเติมจากเทอร์มินัล 1 ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ เทอร์มินัล 2 ตัดแปะจะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเทอร์มินัล 1 หรือทางทิศตะวันออกของสนามบิน ในขณะที่รันเวย์เส้นที่ 3 จะอยู่ทางทิศตะวันตก กล่าวได้ว่าเทอร์มินัล 2 ตัดแปะอยู่คนละทิศคนละทางกับรันเวย์เส้นที่ 3
โดยปกติ เครื่องบินที่จอดรอผู้โดยสารอยู่ที่เทอร์มินัล 2 ตัดแปะควรจะ "เทกออฟ" จากรันเวย์เส้นที่ 2 ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก เพราะอยู่ใกล้กัน ในทางกลับกัน เครื่องบินที่จะนำผู้โดยสารไปที่เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ ควรจะ "แลนดิ้ง" บนรันเวย์เส้นที่ 2 แต่เนื่องจากรันเวย์เส้นที่ 2 มีเครื่องบินขึ้น-ลงมากอยู่แล้ว ใกล้จะเกินความจุในอีกไม่นาน
ดังนั้น หลังจากก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ตัดแปะเสร็จแล้ว เครื่องบินบางเที่ยวบินที่มีจุดต้นทางหรือปลายทางที่เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ จำเป็นจะต้องใช้รันเวย์ทางด้านตะวันตกทั้งรันเวย์เส้นที่ 1 ที่มีอยู่แล้ว และรันเวย์เส้นที่ 3 ที่ ทอท.กำลังจะก่อสร้าง ทำให้ผู้โดยสารต้องเสียเวลา และเครื่องบินต้องสิ้นเปลืองน้ำมัน เพราะรันเวย์เส้นที่ 1 และเส้นที่ 3 อยู่ไกลจากเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ แต่ถ้า ทอท.เลือกที่จะขยายเทอร์มินัล 1 ออกไปทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตกแทนการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ จะทำให้สามารถเลือกใช้รันเวย์ได้อย่างสมดุล การสิ้นเปลืองเวลาและน้ำมันก็จะไม่เกิดขึ้น
ข้อเสียของเทอร์มินัล 2 ตัดแปะดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงข้อเสียประการหนึ่งจากหลายประการที่ผมได้กล่าวมาแล้วในหลายบทความที่ผ่านมา เช่น ผู้โดยสารต้องใช้รถไฟฟ้าไร้คนขับถึง 3 สาย ก่อนจะได้ขึ้นเครื่องบิน และไม่ทำให้สนามบินมีความจุเพิ่มขึ้น เพราะ ทอท.ไม่สามารถก่อสร้างหลุมจอดเครื่องบินเพิ่มเติมได้ เป็นต้น
ผมมั่นใจว่า ทอท.รู้ดีว่าเทอร์มินัล 2 ตัดแปะจะก่อให้เกิดข้อเสียหรือปัญหามากมายตามมา แต่น่าแปลกใจว่าอะไรทำให้ ทอท.พยายามมองข้ามปัญหาเหล่านี้ ทั้งๆ ที่มีทางเลือกที่ดีกว่า นั่นคือการขยายเทอร์มินัล 1 แทนการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ ซึ่งใช้เงินน้อยกว่า ใช้เวลาสั้นกว่า และที่สำคัญก็คือ จะทำให้สนามบินมีความจุเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน ....เป็นเพราะอะไรหนอ?
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-สาวโพสต์สุดเดือด หลังจับได้ว่าแท็กซี่ที่นั่งมาจากสนามบิน แอบติดสวิตซ์มิเตอร์เทอร์โบ
-สนามบินฮ่องกงประกาศยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมด
-กงสุลใหญ่ฯเตือนคนไทย สนามบินฮ่องกงประกาศสถานการณ์พิเศษ
-ทหาร-ตำรวจ เฝ้าระวังตรวจเข้มแนวรถไฟฟ้า และสนามบิน หลังเกิดเหตุป่วนเมืองกรุงหลายจุด (คลิป)