- 22 ก.ค. 2563
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แถลงที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันเมื่อวันอังคาร ที่ 21 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์การระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 อาจเลวร้ายลงก่อนจะดีขึ้นในภายหลัง “นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะพูด แต่มันเป็นแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่เราต้องเจอ คุณลองดูทั่วโลกตอนนี้ ไวรัสลามไปทุกแห่งแล้ว”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แถลงที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันเมื่อวันอังคาร ที่ 21 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์การระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 อาจเลวร้ายลงก่อนจะดีขึ้นในภายหลัง “นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะพูด แต่มันเป็นแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่เราต้องเจอ คุณลองดูทั่วโลกตอนนี้ ไวรัสลามไปทุกแห่งแล้ว”
แม้ว่าที่ผ่านมาการตอบสนองในการควบคุมโรคโควิด-19 ของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังถูกวิจารณ์อย่างหนัก ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เขาสบประมาทความอันตรายของไวรัสนี้ด้วยการอ้างว่า ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการปูพรมตรวจเชื้อให้ประชาชนเพิ่มขึ้น ซ้ำยังไม่ยอมสวมใส่หน้ากากอนามัย จนคนรอบข้างติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กว่าเจ้าตัวจะยอมใส่หน้ากาก และบอกเตือนไปยังประชาชน ว่าควรปฏิบัติตนเองอย่างไร ก็ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้ว
นอกจากนี้บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ต่างแย้งคำกล่าวอ้างของทรัมป์ว่า อัตราผู้มีผลตรวจเชื้อโควิดเป็นบวก อัตราคนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล และอัตราการเสียชีวิตจากโควิดในสหรัฐ ยังคง "อยู่ในระดับสูง" ในบางรัฐ เนื่องจากตอนนี้ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อ 4,028,365 ราย เพิ่มขึ้น 66,936 ราย เสียชีวิต 144,944 ราย เพิ่มขึ้น 1,110 ราย รักษาหาย 1,885,527 ราย
อย่างไรก็ตามทางเว็บไชต์ Worldometers รายงานสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย พบมีผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลกกว่า 215 ประเทศ รวมกว่า 15,099,524 เสียชีวิตรวม 619,594 ราย รักษาหาย 9,116,242 ราย ถือเป็นตัวเลขที่น่ากลัวอย่างมาก เพราะเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน องค์การอนามัยโลก ได้คาดการณ์ว่าช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2563 จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มไปถึง 10 ล้านราย แต่นับระยะเวลาเพียง 1 เดือนกว่าๆ ตัวเลขอีก 5 ล้านรายกลับเพิ่มมาอย่างรวดเร็ว