เพนกวินเหิมหนัก บิดเบือน จาบจ้วงสถาบันฯโยงโดนจับ  ศาลอาญาเพิ่มข้อหา

เพนกวินเหิมสุดๆ แถลงหน้าศาลอาญา บิดเบือน กล่าวหา สถาบันฯอยู่เบื้องหลังจับกุมตัว

ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว  นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน  แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท.  และ กลุ่มเยาวชนปลดแอก ในข้อหาอันเกี่ยวเนื่องกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116  ว่าด้วยการยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง   ตามปรากฎรายละเอียดว่า   ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต  ฝากขังต่อศาลอาญา รัชดาภิเษก

 

เพนกวินเหิมหนัก บิดเบือน จาบจ้วงสถาบันฯโยงโดนจับ  ศาลอาญาเพิ่มข้อหา


( คลิกอ่านข่าวประกอบ :  บช.น.แจง 8 ข้อหา จับเพนกวิน คุมตัวฝากขังศาลอาญา )   

ล่าสุดศาลอาญา พิจารณามีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว  นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แล้ว  โดยมีอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ใช้ตำแหน่งในการยื่นประกันตัว โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์   เช่นเดียวกับกรณีของ นายอานนท์ นำภา   แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ   และ   นายภาณุพงศ์  จาดนอก   หรือ   ไมค์ ระยอง   แกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย  

 

โดยศาลอาญาได้กำหนดเงื่อนไขการประกันตัว    ว่า   ห้ามกระทำการใดๆ   ในลักษณะเดียวผิดซ้ำคดีนี้อีก    มิฉะนั้นจะให้ถือว่าผิดสัญญาประกัน   ก่อนปล่อยตัวผู้ต้องหาเป็นการชั่วคราว  

จากนั้นนายพริษฐ์  หรือ เพนกวิน   ได้ออกมาให้สัมภาษณ์    ระบุว่าเดิมตั้งใจจะไม่ขอประกันตัว   แต่เมื่อได้ปรึกษาหารือกับครอบครัว และผู้เกี่ยวข้องแล้ว จึงตัดสินใจประกันตัว  เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไป  โดยเฉพาะการเข้าร่วมชุมนุมใหญ่  ขับไล่รัฐบาลในวันที่  16  สิงหาคมนี้  

 

เพนกวินเหิมหนัก บิดเบือน จาบจ้วงสถาบันฯโยงโดนจับ  ศาลอาญาเพิ่มข้อหา

 

พร่อมทั้งได้อ่านข้อเรียกร้อง 10  ข้อของกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม   ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์   และยังได้มีการพูดพาดพิงเบื้องสูงในอีกหลายประเด็น   โดยเฉพาะการกล่าวหาว่าการถูกจับกุมครั้งนี้  เป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์   พร้อมยืนยันจะเดินหน้าเรียกร้องในเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ดำเนินการไปก่อนหน้า  เพื่อไม่ให้การถูกจับกุมตัวครั้งนี้สูญเปล่า  โดยไม่กลัวความรุนแรง  เพราะฝ่ายผู้ชุมนุมไม่ได้เป็นผู้ถืออาวุธ  และการเรียกร้องทั้งหมด ล้วนเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย

 

เพนกวินเหิมหนัก บิดเบือน จาบจ้วงสถาบันฯโยงโดนจับ  ศาลอาญาเพิ่มข้อหา

ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า ศาลอาญาได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา  นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน  ในความผิดเกี่ยวกับการละเมิดอำนาจศาล จากการร่วมกับกลุ่มผู้ชุุมนุม  เข้าไปรวมตัวให้กำลังใจ นายอานนท์ นำภา และ นายภาณุพงศ์  จาดนอก โดยการปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของศาลยุติธรรม  เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมาอีกด้วย

 

โดยศาลอาญาได้อ่านคำสั่ง กรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2563 เวลากลางวัน ขณะที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์นำตัวผู้ต้องหา คือ นายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก มายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลอาญา นายพริษฐ์หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ กับพวกได้ลงข้อความ (Post) ลงเว็บไซต์เฟซบุ๊กในแฟนเพจชื่อนายพริษฐ์หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ เชิญชวนกลุ่มบุคคลให้มาร่วมชุมนุมกันที่ศาลอาญา

 

จากนั้นนายพริษฐ์ได้กล่าวปราศรัยเสียงดังต่อหน้าผู้ชุมนุมและประชาชนในโดยใช้อุปกรณ์ขยายเสียงและยังใช้อุปกรณ์ถ่ายภาพแล้วลงโฆษณาเพื่อชักจูงให้บุคคลอื่น ๆ เดินทางมาชุมนุมในบริเวณศาลเพื่อขัดขวางรบกวนการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของศาล รวมถึงถ่ายทอดสดภาพและเสียงเหตุการณ์การชุมนุมในบริเวณศาล (Live) ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อต่าง ๆ เจ้าพนักงานตำรวจและเจ้าหน้าที่ศาลได้เข้าระงับเหตุโดยการแจ้งข้อกำหนดศาลให้ทราบและห้ามปราม แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ฟังและยังคงดำเนินการดังกล่าวต่อไป การกระทำดังกล่าวเป็นการไม่ปฏิบัติตนตามข้อกำหนดของศาลว่าด้วยการรักษาความเรียบร้อย และประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เจ้าหน้าที่ศาลจึงทำบันทึกและรายงานคำกล่าวหาต่อศาล ขอให้ลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาล

 

โดยเมื่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฏร์นำตัวนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ ผู้ถูกกล่าวมายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลอาญาในคดีพูดปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 เจ้าหน้าที่ศาลจึงทำรายงานต่อศาลว่านายพริษฐ์เป็นบุคคลเดียวกับผู้ถูกกล่าวหาในคดีละเมิดอำนาจศาลนี้ ขอให้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหา ศาลจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสำเนาคำกล่าวหาคดีละเมิดอำนาจศาลให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ  โดยนัดไต่สวนคำกล่าวหาดังกล่าวในวันที่ 11 กันยายน 2563 เวลา 09.00 นาฬิกา แต่เมื่อผู้ถูกกล่าวหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ศาลจึงได้ให้ ผู้ถูกกล่าวหาปฏิญาณตนว่าจะมาตามนัดและปล่อยตัวชั่วคราวไปโดยไม่มีประกัน

 

เพนกวินเหิมหนัก บิดเบือน จาบจ้วงสถาบันฯโยงโดนจับ  ศาลอาญาเพิ่มข้อหา

 

ขณะเดียวกันทางศาลอาญา   ได้มีการเผยแพร่เอกสารข่าว   ขี้แจงกระบวนการยุติธรรม  ว่า กรณีนี้พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องขอฝากขังนายพริษฐ์ ผู้ต้องหา เพื่อทำการสอบสวนกรณีนายพริษฐ์ พูดปราศรัย เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยทนายความของนายพริษฐ์ ยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องขอฝากขังดังกล่าว

 

ศาลไต่สวนคำร้องขอฝากขัง มีมารดา ทนายความของนายพริษฐ์ และคณะอาจารย์มหาวิทยาลัยเข้าร่วมฟังการไต่สวนในห้องพิจารณา ก่อนการไต่สวนศาลได้อธิบายคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวน และสิทธิตามกฎหมายให้นายพริษฐ์ทราบ แล้วไต่สวนพนักงานสอบสวนผู้ร้อง โดยมีทนายผู้ต้องหาถามค้าน

 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนคำร้อง และข้อคัดค้านแล้วเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 ได้วางหลักเกณฑ์ในการควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือผู้ถูกจับไว้ซึ่งเป็นขั้นตอนเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน คดีนี้พนักงานสอบสวนรับตัวผู้ต้องหาจากเจ้าพนักงานตำรวจประจำกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งจับกุมผู้ต้องหาได้ตามหมายจับของศาลอาญา จ.1172/2563 ลงวันที่ 6 ส.ค. 2563 เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2563 เวลา 16.30 น. และนำตัวผู้ต้องหามาให้พนักงานสอบสวนถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2563 เวลา 19.40 น. โดยผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว

 

ในวันนี้พนักงานสอบวนได้นำตัวผู้ต้องหามาศาลภายในกำหนด 48 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ผู้ต้องหาถูกจับและถูกนำตัวไปถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 วรรคสาม และอ้างว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากพนักงานสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 15 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา

 

แม้จะได้ความจากพยานผู้ร้องทั้ง 2 ปากตอบแทนทนายผู้ต้องหาถามค้านว่า มีการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้พร้อมกันกับนายอานนท์ นำภา (ทนายความและผู้ปราศรัยบนเวทีกิจกรรมชุมนุมนักศึกษา) และนายภาณุพงศ์ จาดนอก (แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมนักศึกษา) และพยานหลักฐานบางส่วนในคดีนี้เป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกับในคดีของนายอานนท์ และนายภานุพงศ์ก็ตาม แต่พยานผู้ร้องได้เบิกความยืนยันว่า พยานหลักฐานที่จะสอบสวนเพิ่มเติมในคดีนี้เป็นคนละสำนวนกันกับคดีของนายอานนท์ และนายภานุพงศ์ และยังต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมจากคดีดังกล่าวอีก และเพิ่งจับผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ภายหลังนายอานนท์และนายภาณุพงศ์ จึงถือว่าพนักงานสอบสวนมีเหตุจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดี ที่จะยื่นคำร้องขอต่อศาลออกหมายขังผู้ต้องหาได้

 

ส่วนที่ผู้ต้องหาคัดค้านว่า ผู้ต้องหาเป็นนักศึกษามีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และไม่ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานนั้น เห็นว่า คดีนี้เจ้าพนักงานตำรวจจับผู้ต้องหาได้ตามหมายจับของศาลอาญาซึ่งมีข้อหาที่หนักที่สุดเป็นความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินกว่าหกเดือนแต่ไม่เกินสิบปี และคดีอัตราโทษดังกล่าวกฎหมายกำหนดให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลได้หลายครั้ง ครั้งหนึ่งต้องไม่เกินสิบสองวัน และรวมกันทั้งหมดต้องไม่เกินสี่สิบแปดวัน

 

เมื่อพนักงานสอบสวนได้ขอฝากขังผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นครั้งแรกและมีเหตุจำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติมตามที่กล่าวอ้างข้างต้น กรณีจึงมีเหตุจำเป็นในการสอบสวนต่อไป

 

ในส่วนข้อคัดค้านที่ว่าไม่มีความจำเป็นต้องขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างสอบสวนนั้นเห็นว่าข้ออ้างดังกล่าวเป็นเรื่องของขั้นตอนการพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาซึ่งไม่เกี่ยวกับเหตุคัดค้านการฝากขังว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และข้อคัดค้านอื่น ๆ ของผู้ต้องหานั้น เป็นข้อต่อสู้ของผู้ต้องหาที่สามารถนำไปใช้ในชั้นพิจารณาหากถูกฟ้องเป็นจำเลยแล้ว

 

ข้อคัดค้านของผู้ต้องหาจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ดังนั้นจึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ตามขอ นอกจากนี้ศาลได้แจ้งสิทธิการขอประกันตัวหรือขอปล่อยตัวชั่วคราวให้ผู้ต้องหาทราบแล้วว่า ผู้ต้องหาสามารถยื่นคำร้องขอประกันตัวหรือขอปล่อยตัวชั่วคราวได้ทันทีหรือสามารถยื่นคำร้องขอประกันตัวได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ

 

เพนกวินเหิมหนัก บิดเบือน จาบจ้วงสถาบันฯโยงโดนจับ  ศาลอาญาเพิ่มข้อหา

 

เพนกวินเหิมหนัก บิดเบือน จาบจ้วงสถาบันฯโยงโดนจับ  ศาลอาญาเพิ่มข้อหา

ทั้งนี้มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า  กรณีดังกล่าวศาลอาญา  ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคดีเกี่ยวกับความมั่นคงและการชุมนุมทางการเมือง  ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 รวมทั้งสิ้น   15 คน ประกอบด้วย

1.นายพริษฐ์ ชิวารักษ์
2.น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์
3.น.ส.ลัลนา สุริโย
4.นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนาแยม
5.นายภาณุพงศ์ จาดนอก

6.นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี
7.นายอานนท์ นำภา
8.นายกานต์นิธิ ลิ้มเจริญ
9.นายณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์
10.นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา

11.น.ส.จิรฐิตา ธรรมรักษ์
12.นายกรกช แสงเย็นพันธ์
13.นางสุวรรณา ตาลเหล็ก
14. ธนายุทธ ณ อยุธยา
15. นายบารมี ชัยรัตน์

โดยที่ผ่านมาได้จับกุมดำเนินคดีแล้ว 3 รายคือ นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ เหลืออีก 12 คนอยู่ระหว่างดำเนินการติดตามเพื่อจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และอีก 16 คนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายต่อไป