ยุทธพงศ์ งัดบทบาทส.ส. แถลงโต้ทัพเรือ ขู่ฟ้องป.ป.ช.เอาผิดเรือดำน้ำ จีทูจี

สืบเนื่องจากการที่  พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์  ผบ.ทร.  มอบหมายให้   พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาร ผช. ผบ.ทร.  ลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้  น.อ.อรรณพ แจ่มศรีใส  นายทหารเรือพระธรรมนูญ   ดำเนินคดีกับ   นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคราม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย  ที่กองบังคับการตำรวจปราบปราม   ในข้อหาหมิ่นประมาท จากการแผยแพร่ข้อมูล คำให้สัมภาษณ์  บิดเบือนข้อเท็จจริง  ว่าด้วยการขออนุมัติงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3  ของกองทัพเรือ จนทำให้ประชาชนทั่วไปเคลือบแคลงสงสัย ต่อการปฏิบัติงานของกองทัพเรือ ทั้ง ๆ ที่กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบราชการ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

( คลิกอ่านข่าวประกอบ : บิ๊กลือ สั่งการนายทหารพระธรรมนูญ แจ้งดำเนินคดี โจ้ ยุทธพงศ์ มั่วบิดเบือนจัดซื้อเรือดำน้ำ เจ้าตัวร้อนหัวเลย  )

ล่าสุด   นายยุทธพงศ์   จรัสเสถียร    ส.ส.มหาสารคาม   พรรคเพื่อไทย   ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 สภาผู้แทนราษฎร  เปิดแถลงข่าวโต้โดยอ้างว่าคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ พร้อมยืนยันสัญญาที่ทำขึ้นระหว่าง พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กับ บริษัท ไชน่าชิป บิลดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด  ไม่ใช่เป็นสัญญาแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือ จีทูจี อย่างที่กองทัพเรือกล่าวอ้าง เพราะตนเองรู้ดีเกี่ยวกับจีทูจี  

 

 

 เนื่องจากเคยร้องเรียนการจัดซื้อรถดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ซึ่งถือเป็นบรรทัดฐานของการจัดซื้อแบบจีทูจี  ว่าการจะเป็นจีทูจีต้องดำเนินการแบบรัฐต่อรัฐในทุกขั้นตอนการจัดซื้อ ไม่ใช่เป็นจีทูจีเฉพาะตอนเริ่มต้น แต่กรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำ ของรัฐบาลไม่ได้เป็นอย่างที่คำพิพากษาศาลฎีการะบุไว้
 

"ตนยืนยันว่าไม่ได้นำประเด็นดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ทางการเมือง และส่วนตัวก็ไม่มีปัญหากับกองทัพเรือ แต่ต้องการตรวจสอบบุคลากรบางคนที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยเฉพาะ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. และ พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการและโฆษกกองทัพเรือ  รวมถึงทำตามหน้าที่ ส.ส. และกรรมาธิการงบประมาณฯ ในการตรวจสอบ ตามความเหมาะสมของภาษีประชาชนในสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ยากลำบากจากโควิด-19 ประชาชนอดอยาก  พร้อมเชื่อว่ารัฐบาลไทยจะสามารถทำความเข้าใจกับรัฐบาลจีนได้  กรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ต้องชะลอออกไป"

 

ทั้งนี้นายยุทธพงศ์ ได้เรียกร้องให้กองทัพเรือเปิดเผยเอกสารการมอบอำนาจ หรือ Full Powers ฉบับเต็ม  ว่ากองทัพเรือได้รับมอบอำนาจจากนายกรัฐมนตรีไปจัดซื้อเรือดำน้ำหรือไม่ 

"ตามคำพิพากษาศาลฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อจีทูจี  จะต้องเกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลกลางของ 2 ประเทศเท่านั้น แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฏกลับเป็นการลงนามกองทัพเรือของไทยกับบริษัท ไชน่า ชิปบิลดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ CSOC ที่ได้รับมอบอำนาจจากองค์กรบริหารงานของรัฐด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรม เพื่อการป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงตั้งข้อสงสัยว่าบริษัทดังกล่าวได้รับมอบอำนาจจากประธานาธิบดีจีนด้วยหรือไม่"

 

ช่วงท้าย นายยุทธพงศ์  เรียกร้องให้กองทัพเรือ ดำเนินการที่ร้องขอ  อาทิ    1.ให้ ผบ.ทร. และ พล.อ.ประวิตร โชว์หนังสือฟูลส์ พาวเวอร์  2.ในวันที่ 9 กันยายนที่มีการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ  ตาม มาตรา 152   ตนจะเอาหลักฐานการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรก ที่มีหลักฐานว่าบริษัทที่ขายไม่ใช่รัฐบาลจีนไปแฉในสภาฯ  ด้วยมั่นใจว่า บริษัท China Shipbuilding & Offshore International (csoc) ไม่ใช่ตัวแทนรัฐบาลจีน   และ 3.เมื่อตนเปิดหลักฐานในการอภิปรายดังกล่าวแล้ว ตนจะเอาคืนโดยจะไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ผบ.ทร.และผู้เกี่ยวข้อง  รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร   วงษ์สุวรรณ  ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าการจัดซื้อดังกล่าวเป็นแบบจีทูจีหรือไม่

 

 

( คลิกอ่านข่าวประกอบ :  ทัพเรือแจงละเอียด สวนปากส.ส.เพื่อไทยสัญญาซื้อเรือดำน้ำจีทูจีของจริง ใช้ระบบแบ่งงวดจ่าย ยันจำเป็นปท.ในระยะยาว  )