- 25 ต.ค. 2563
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่าในสัปดาห์หน้า พรรคก้าวไกลเสนอญัตติด่วน ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในข้อบกพร่องการกำหนดเส้นทางเสด็จ แ ละการถวายความปลอดภัยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563
ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง ประเด็นหนึ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักก็คือการคุกคาม จาบจ้วง สถาบันเบื้องสูง โดยเฉพาะเหตุกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกประชิดรถพระที่นั่ง และมีพฤติกรรมในลักษณะเป็นอันตราย กระทั่งนำไปสู่การออกหมายจับ นายเอกชัย หงส์กังวาน , นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง และ นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ ในข้อหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี ตามประมวลอาญา มาตรา 110 วรรค 2 "ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน"
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.อคฝ. และพล.ต.ต.ปราศัย จิตสนธิ ผบก.น.1 เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผอ.ศปก.ตร. มอบหมาย มีผลตั้งแต่ 14 ต.ค. 2563 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ล่าสุด นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่าในสัปดาห์หน้า พรรคก้าวไกลเสนอญัตติด่วน ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในข้อบกพร่องการกำหนดเส้นทางเสด็จ แ ละการถวายความปลอดภัยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 ทั้งนี้เพื่อทำความจริงในทุกแง่มุมให้ปรากฏ พร้อมหลักฐานอย่างสิ้นข้อสงสัย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกล่าวหากันไปมา โดยที่ยังไม่มีกระบวนการในการสืบหาข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ นายวิโรจน์ กล่าวว่า การทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏ ส่วนตัวเชื่อว่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งทำให้ความขัดเเย้งในประเด็นดังกล่าวลดลง และเบื้องต้นเชื่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาจรับทราบว่ามีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในการจัดเส้นทางขบวนเสด็จ การเตรียมเส้นทางเสด็จ และการถวายความปลอดภัย ไม่เช่นนั้นคงไม่มีการสั่งย้ายตำรวจที่เป็นข้าราชการระดับสูง ในระดับพลตำรวจตรีถึง 3 นาย เรื่องนี้จึงต้องขอวิงวอนให้ฝ่ายรัฐบาลร่วมกันตั้ง กมธ.วิสามัญฯ ชุดนี้ขึ้น เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ และทำความจริงให้ปรากฎ
ส่วนการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายทั่วไป โดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญ นายวิโรจน์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะอภิปรายโดยเคารพข้อบังคับอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะกระทำไม่ได้ตามข้อบังคับ แต่เนื่องจากกรณีนี้ ญัตติที่รัฐบาลเสนอมามีการระบุถึง ข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน รวมถึงประเด็นเกี่ยวข้องกับกรณีขบวนเสด็จฯ ดังนั้นกรอบการอภิปรายที่อยู่ในกรอบญัตติที่รัฐบาลเสนอมา จึงเป็นเรื่องที่สามารถอภิปรายได้ ไม่ขัดกับข้อบังคับแต่อย่างใด
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2563 นายปิยุบตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้เคยออกมาชี้ประเด็นดังกล่าวในลักษณะตั้งข้อสงสัย สรุปใจความสำคัญได้ว่า
1.รัฐบาลจงใจเปลี่ยนเส้นทางขบวนเสด็จฯจนอาจเป็นชนวนปราบการชุมนุมหรือไม่ เนื่องจากมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ตั้งข้อหาที่มีโทษสูงเป็นความผิดร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110
"เมื่อมาพิจารณาดูเหตุการณ์ในวันนั้น ไม่มีการข่มขืนใจจนพระราชินีต้องกระทำการหรือไม่อาจกระทำการใดได้ ไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวพระราชินีใดๆ ทั้งสิ้น ประชาชนเพียงยืนชุมนุมรอบๆ แล้วชูสามนิ้ว ตะโกนบ้าง แต่ข้อเท็จจริงทั้งหมด ไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ เลยที่เป็นการประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี"
รวมถึงหากลองกลับมาพิจารณาช่วงเวลาของหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินของพระราชินี ซึ่งเปิดเผยในวันที่ 9 ต.ต. 2563 ว่าจะมีการเสด็จพระราชดำเนินในวันที่ 14 ต.ค. แต่หลังจากนั้นจึงมีการเปลี่ยนหมายกำหนดการจากเสด็จจากเวลา 17.00 น. เป็น 16.00 น. ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการกำหนดการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค. กำหนดกันมาก่อนแล้ว ก่อนที่จะมีหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนิน จึงต้องให้ความเป็นธรรมว่าผู้ชุมนุม ที่ประกาศแล้วว่าจะมีการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค. แล้วจึงมีหมายกำหนดการเสด็จตามออกมา
2. ต้องสืบสวนให้กระจ่างชัดในข้อเท็จจริง ว่าเป็นข้ออ้างใส่ร้ายป้ายสีปลุกปั่นความโกรธให้ประชาชนเหมือนเหตุกรณี 6 ตุลา 2519 หรือไม่ เพราะถ้าหากจะตั้งข้อกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสี สมควรที่จะต้องสืบสวนข้อเท็จจริงให้ชัดว่าที่ขบวนเสด็จพระราชดำเนิน เลือกเส้นทางผ่านนางเลิ้งและสะพานชมัยมรุเชษฐ เจ้าหน้าที่ทราบมาก่อนหรือไม่ ทำให้เรื่องนี้กระจ่างชัดแล้วเราก็จะได้ข้อเท็จจริงออกมา
"สิ่งที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่งและไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำอีก คือผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง 6 ตุลา 19 ต้องการให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมาฉายภาค 2 อีกครั้งหรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้น เสมือนว่ามีคนบางกลุ่มต้องการให้เหตุการณ์เกิดขึ้นอีก และต้องการเอาเรื่องขบวนเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นชนวน เพื่ออ้างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่เหมือนการประกาศยึดอำนาจ อ้างดำเนินคดีข้อหารุนแรงกับประชาชน เอามาใช้ปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความโกรธแค้นกันเอง"
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2563 ที่วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลราชกุมาร โดยเสด็จในการนี้ด้วย
ประเด็นสำคัญคือ นายนันท์สกร นพรัตน์วิมล อาสาเฉพาะกิจ สายการแพทย์ ได้โพสต์วิดีโอคลิป พร้อมทั้งเล่าลำดับเหตุการณ์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า "#14 ตุลา ผมเสียใจที่ไม่ได้ใส่เสื้อเหลือง #บันทึกความจริงเหตุการณ์สะพานชมัยมรุเชฐ
"14 ตุลาคม 2563 ที่กลุ่มผู้ชุมนุมบิดเบือนว่า ในขณะที่พวกตนเองกำลังชุมนุมอยู่ แล้วขบวนเสด็จพยายามขับฝ่ากลุ่มผู้ชุมชุมนั้นไม่เป็นความจริง ชมคลิปหลักฐานที่ผมได้ถ่ายไว้ ก่อนเกิดเหตุ ความจริงจะปรากฏ #จากเหตุการณ์ กลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนปลดแอก ชูสามนิ้ว ด่าทอ เข้าขัดขวางขบวนเสด็จของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ที่สะพานชมัยมรุเชฐ
"ผมอยู่ในเหตุการณ์โดยตลอด ซึ่งทำให้ผมเสียใจมากที่สุด คิดถึงทีไรน้ำตาไหลทุกที ด้วยความคับแค้นอัดแน่นในใจ แม้กระทั่งการเขียนบันทึกนี้ผมต้องใช้เวลานานมาก พิมพ์ไปน้ำตาไหล ต้องหยุดพิมพ์ พิมพ์หยุดๆ กว่าจะเสร็จ ตรวจทานเพื่อความถูกต้อง รวมเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง "
"....ผมได้ยินกลุ่มผู้ชุมนุม ตะโกนขึ้นมาว่า "ขบวนเสด็จ ขบวนเสด็จ อย่าให้ผ่านไปได้ อย่าให้ผ่านไปได้" ผมจำไม่ได้ว่าเป็นขบวนเสด็จของพระบรมราชินี และพระองค์ทีปังกร หรือไม่ สิ้นเสียงตะโกน กลุ่มผู้ชุมนุมก็วิ่งกรูจากทุกสารทิศเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านหน้า และขนาบซ้ายขวารถพระที่นั่ง ทั้งสองฝั่งถนน ที่ขับมาอย่างช้าๆ เพื่อขัดขวางขบวนเสด็จ พร้อมกับชูสามนิ้ว ด่าทอ ขบวนเสด็จ ด้วยคำที่หยาบคาย
และยังด่าถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 บางส่วนใช้กำลังเข้าผลักดันตำรวจทางด้านหน้า เพื่อไม่ให้ขบวนเสด็จเดินหน้าต่อไป ผมเห็นกลุ่มคนไทยรักในหลวงเกือบ 20 คน ประสานมือกับตำรวจสร้างกำแพงกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามจะฝ่าเข้า ไปให้ถึงรถพระที่นั่ง"
( คลิกอ่านข่าวประกอบ : เปิดความจริงม็อบคุกคามรถพระที่นั่ง จิตอาสาแพทย์ เห็นเหตุการณ์ ถ่ายคลิปเล่าหมด เอ่ยคับแค้นใจน้ำตาไหล )
Hot Sale ลาซาด้า ยกขบวนสินค้า ลดกระหน่ำทุกรายการ สูงสุด 90%