- 02 มิ.ย. 2563
ศาลฎีกาพิพากษาคดี เสี่ยรถเบนซ์ พุ่งชนเก๋งไฟไหม้ คลอก 2 ชวิตดับสยอง อยุธยา
ถือเป็นอีกหนึ่งคดีที่ผู้คนเคยให้ความสนใจติดตาม สำหรับกรณีการก่อเหตุของ นายเจนภพ วีรพร ในการขับรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ษง 3333 กทม. ไปชนรถยนต์ฟอร์ด ทะเบียน ฆย 6911 กทม. จนทำให้เกิดไฟลุกไหม้ ก่อนจะนำมาซึ่งความสูญเสีย 2 ชีวิต พร้อมกันในซากรถ เหตุเกิดบนถนนพหลโยธิน มุ่งหน้า จ.สระบุรี หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ใกล้สะพานต่างระดับบางปะอิน โดยศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ มีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลย
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : ศาลอุทธรณ์ตัดสิน เสี่ยเจนภพ ขับรถเบนซ์ พราก 2 ชีวิต )
ล่าสุด ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่อัยการอยุธยา และ นายไพบูลย์ ถาวร กับพวกรวม 4 คน เป็นโจทก์ร่วม ฟ้องร้อง นายเจนภพ วีรพร จำเลย ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถเบนซ์ รุ่นซีแอลเค สีดำ พุ่งชนท้ายรถเก๋งฟอร์ด เฟียสต้า ทะเบียน ฆย 6911 จนเกิดไฟไหม้
เป็นเหตุทำให้ นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี และ น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย นิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดนไฟคลอกเสียชีวิต 2 ศพ เหตุเกิดบนถนนพหลโยธิน กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2559
โดยองค์คณะศาลฎีกา พิเคราะห์ว่า ในวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้ขับรถเบนซ์ ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร ลงมาจากโทลเวย์อุตราภิมุข มาบนถนนพหลโยธิน จนถึงบริเวณกม. 52+4000 แล้วชนกับรถฟอร์ด ทำให้ผู้โดยสาร ผู้ขับขี่ ถึงแก่ความตาย รวม 2 ชีวิต
ศาลเห็นว่า แม้จำเลยขอลงโทษสถานเบา โดยให้เหตุผลว่าได้จบการศึกษาปริญญาโทจากต่างประเทศ เป็นกรรมการบริษัทต่างๆ ซึ่งทำประโยชน์แก่สังคม รวมถึงยังได้บวชอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต นาน 2 เดือน 3 สัปดาห์ ถือไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ เห็นว่าการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาโทษดังกล่าว เหมาะสมแล้ว จึงพิพากษายืน
ก่อนหน้าคดีนี้ ศาลชั้นต้นเคยมีพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ต่อมาโจทก์และโจทก์ร่วมที่ 3 และ 4 ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เพิ่มโทษจำคุกจำเลย
จากนั้นศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562 ลงโทษจำคุกจำเลย โดยแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้เพิ่มโทษตามที่โจทก์และโจทก์ร่วมที่ 3 และ 4 อุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนขับรถ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ลงโทษจำคุก 6 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้บางส่วน เหลือลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี ไม่รอลงอาญา