กรรมมีไว้ลงโทษคนผิด!! จำคุก 2 ปี 6 เดือนไม่รอลงอาญา "เสี่ยเจนภพ" ซิ่งเบนซ์ชนเก๋งพลิกคว่ำทำเหยือไฟคลอกดับ 2 ศพ พร้อมยึดใบอนุญาตขับขี่??

สืบเนื่องจากกรณีนายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี เจ้าของบริษัทนำเข้ารถหรู และทายาทของ “เลนโซ่กรุ๊ป” ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ CSL สีดำ ทะเบียน ษง 3333 พุ่งชนท้ายรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด เฟียสต้า ทำให้เกิดเพลิงไหม้รถนายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี และ น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย อายุ 34 ปี นักศึกษาปริญญาโท เสียชีวิตคาซากรถ เหตุเกิดบนถนนพหลโยธินขาออก ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 52-53 ใต้ทางต่างระดับบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา
 

 

 

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว วันนี้ (19 ก.ค.) ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีการนัดอ่านคำพิพากษา คดีพนักงานอัยการสั่งฟ้องนายเจนภพ วีรพร จำเลยฐานความผิดใน 7 ข้อหา โดยมีกลุ่มของผู้เสียหาย นำโดย น.ส.กัญจนา ฮ้อแสงชัย หรือ เบล น้องสาว น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย หรือน้องเบนซ์ ผู้เสียชีวิต พร้อมทนาย เดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษา

ทนายฝ่ายผู้เสียหายกล่าวว่า อย่างไรก็ตามวันนี้ขึ้นอยู่กับผู้พิพากษา ซึ่งรออีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะรู้ผล ในส่วนเรื่องที่ยังติดใจในเรื่องของคดีอยู่หรือไม่นั้น ผมมั่นใจว่าสำนวนที่ พนักงานสอบสวนทำนั้นหรือการนำสืบพยานต่างๆ ผมว่าสมบูรณ์แบบและไม่ติดใจ ส่วนการตัดสินหากไม่เป็นอย่างที่คิดก็ต่างคนต่างใช่สิทธิ์ในการอุทธรณ์กันต่อไป

ด้าน น.ส. กัญจนา ฮ้อแสงชัย หรือ เบล น้องสาว น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย หรือน้องเบนซ์ ผู้เสียชีวิต ได้กล่าวว่า ไม่กังวลใจมาก ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไรเราพร้อมเคารพในการตัดสินของผู้พิพากษาอยู่แล้ว ในส่วนของสภาพจิตใจของครอบครัวนั้นโดยรวมก็ดีขึ้นมากแล้วทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ดีขึ้นมาก ส่วนการประสายกับนายเจนภพนั้น ไม่มีการติดต่อกันแต่อย่างไร

 

 

 

 

ขณะที่ นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี คู่กรณี ได้เดินทางเข้ามาที่ศาลดังกล่าวพร้อมทนายด้วย สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดก่อนเดินเอาไปฟังคำพิพากษา โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ แก่สื่อมวลชน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ศาลได้พิเคราะห์ พยานโจทก์ให้การขัดแย้งในเรื่องการเจาะเลือดจำเลยในวันเกิดเหตุ ไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดในข้อหาเมาสุรา ภายหลังจากพนง.สส ส่งสำนวนให้รพ.สมิติเวชทำการเจาะเลือดเพื่อหาสารเสพติด ในสำนวนไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าทำขึ้นเมื่อใดจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงยกประโยชน์ให้จำเลยจำเลยมีความผิดพ.ร.บ.จราจรทางบก ซึ่งมีโทษสูงสุด ตามม.291 ลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือ จำคุก 2 ปี 6 เดือน และให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ โดยไม่รอลงอาญา.